ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

20 ธ.ค. 2562 | 07:20 น.

“ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะประชุม กนช.งัดแผนรับมือภัยแล้ง หวั่นลุกลามหนัก ประเมินสถานการณ์เสี่ยง 43 จังหวัด ขาดน้ำกินน้ำใช้ สั่งระดมเครื่องจักรพื้นที่นอกเขตชลประทาน เร่งจัดหาแหล่งน้ำลดความรุนแรงของไม้ผลที่อาจยืนต้นตายได้

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

วันที่ 20 ธันวาคม 2562 ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เผยหลังจากการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม วันนี้ได้มีมติเห็นชอบ 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 แผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ของ 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย (1)แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำเสียชุมชนระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ขององค์การจัดการน้ำเสีย โดยมีแผนปฏิบัติการปี 2564-2580 ที่ส่งเสริมให้มีการจัดสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

รวมระบบบำบัดน้ำเสียที่จะก่อสร้าง 780 แห่ง สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 1.70 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และ (2)โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2562 และ ปี 2563 ของการประปาส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิต ระบบส่งน้ำ และระบบจ่ายน้ำประปาในพื้นที่ที่ประสบปัญหา ให้สามารถบริการน้ำประปาแก่ประชาชนได้เพิ่มขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้าอย่างพอเพียง รวม 14 โครงการ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 513,960 ลบ.ม./วัน และสามารถให้บริการผู้ใช้น้ำเพิ่มขึ้นอีก 453,583 ราย

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

เรื่องที่ 2 แผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย (1)โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563-2580) โดย สทนช. ได้ศึกษาทบทวนความเพียงพอของการพัฒนาและจัดทำแผนหลักเพื่อรองรับการพัฒนาในระยะ 10 ปี และ 20 ปี พบว่า ความต้องการใช้น้ำจะเพิ่มขึ้นจากปี 2560–2580 รวม 670 ล้าน ลบ.ม./ปี โดยในแผนการดำเนินการประกอบด้วย 1.แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน ปี 2563-2570 รวมทั้งสิ้น 38 โครงการ เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ 872.19 ล้าน ลบ.ม. 2.แผนการบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ ปี 2563-2580 จำนวน 9 โครงการ/มาตรการ 3.แผนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ปี 2563–2580 จำนวน 25 โครงการ

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

4.แผนการจัดการคุณภาพน้ำ ปี 2563–2580 จำนวน 33 โครงการ และ 5.มาตรการอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ ปี 2563-2580 จำนวน 3 โครงการ (2)แผนหลักการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ 12 หน่วยงาน รวมทั้งสิ้น 65 โครงการ ครอบคลุมการพัฒนา 10 ปี (พ.ศ. 2563-2572) กรอบวงเงิน 7,445 ล้านบาท โดยมีแผนงานระยะเร่งด่วน ปี 63-65 จำนวน 34 โครงการ กรอบวงเงิน 1,842 ล้านบาท ได้แก่ การพัฒนาขยายเขตเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน ก่อสร้างสถานีสูบน้ำรอบหนองหาร ขุดลอกหนองหาร ก่อสร้างระบบระบายน้ำป้องกันพื้นที่ชุมชน เป็นต้น และ (3)เป้าหมายแผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญเพิ่มเติมจำนวน 11 โครงการ แบ่งเป็น 5 ประเภท การผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำหลัก 1 โครงการ บริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำน้ำนอง 3 โครงการ แผนหลักการพัฒนาบึงและหนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ 3 โครงการ การบรรเทาอุทกภัยเมืองสำคัญ 3 โครงการ และจัดหาแหล่งน้ำรองรับพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยว 1 โครงการ

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

เรื่องที่ 3 พิจารณากรอบแนวทางเพื่อการกำหนดหลักเกณฑ์การใช้สอยทรัพยากรน้ำสาธารณะของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (มาตรา 6 วรรคสาม) ประกอบด้วย ด้านการจัดทำแผนและติดตามผล ข้อ 1 ให้มีแผนงานการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำสาธารณะ ทั้งในภาวะปกติ และในภาวะน้ำแล้งหรือภาวะน้ำท่วม โดยให้สอดคล้องกับแผนแม่บทฯในเขตลุ่มน้ำของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ที่ผ่านความเห็นชอบของ กนช. ข้อ 2 ให้ประสานหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบริหารจัดการและใช้สอยทรัพยากรน้ำสาธารณะสำหรับกิจกรรมประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ ตามกฎหมายหรือกฎในเรื่องนั้น

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

 ข้อ 3 ให้มีการติดตามและรายงานผลการดำเนินการ ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและผลดีหรือผลกระทบในการดำเนินการตามแผนงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และด้านการจัดทำมาตรการและควบคุมดูแล ข้อ 4 ให้มีมาตรการในการควบคุมดูแลทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการบุกรุก การกระทำอื่นใดอันจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายต่อทรัพยากรน้ำสาธารณะ หรือทำให้เสื่อมสภาพต่อคุณภาพของน้ำ ข้อ 5 ให้มีการควบคุมดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ ในบริเวณพื้นที่แหล่งทรัพยากรน้ำสาธารณะนั้น โดยภายหลังจากที่ประชุมเห็นชอบแล้ว สทนช.จะได้นำไปจัดทำร่างประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เสนอประธาน กนช. พิจารณาลงนามและนำมาเป็นกรอบแนวทางการดำเนินการต่อไป

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

เรื่องที่ 4 ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วม การบูรณาการระหว่างหน่วยงานจังหวัด โดยได้คัดเลือกจังหวัดนำร่อง เพื่อดำเนินการจัดตั้งคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ซึ่งในปี 2563 สามารถดำเนินการได้จำนวน 40 จังหวัด และที่เหลืออีก 36 จังหวัดจะดำเนินการในปี 2564 โดยมีโครงสร้างองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด จำนวน 20-25 คน มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานอนุกรรมการ มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เป็นรองประธาน

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

มีหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นเลขานุการร่วม (เจ้าภาพ) มี สทนช. และ ปภ. จังหวัด เป็นเลขานุการร่วม องค์กรผู้ใช้น้ำ จำนวน 3 คน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำแผนงาน แผนปฏิบัติการ และแผนงานงบประมาณการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามกรอบแผนแม่บทระดับลุ่มน้ำ บูรณาการและขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับจังหวัดทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต บูรณาการข้อมูลและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และติดตาม ประเมินผล การดำเนินงานตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และรายงานต่อ กนช.

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

ในช่วงท้ายของการประชุม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  แสดงความห่วงใยในสถานการณ์ภัยแล้ง ปี 2562/2563 นี้ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและปฏิบัติตามแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเคร่งครัด ซึ่ง สทนช.ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ในการเฝ้าติดตามและวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง ทั้งนี้ จากข้อมูลสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2562 คาดการณ์ว่ามีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค จำนวน 43 จังหวัด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งไว้พร้อมแล้ว

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

โดยในเขตพื้นที่ให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้จัดหาแหล่งน้ำสำรองและขุดเจาะบ่อบาดาล 61 สาขา 31 จังหวัด กรมชลประทาน จัดสรรน้ำเพื่อการผลิตน้ำประปาตามศักยภาพ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สนับสนุนข้อมูลวิชาการและกระบวนการขุดเจาะบ่อบาดาล และจัดหาแหล่งน้ำสำรองสำหรับประปาหมู่บ้านในพื้นที่นอกเขต กปภ. ดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล 524 แห่ง 32 จังหวัด โดยเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา 187 แห่ง กองทัพบก 155 แห่ง และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 182 แห่ง

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

จัดหาน้ำผิวดินอีก 232 แห่ง โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังได้จัดหาแหล่งน้ำสำรองให้กับสถานพยาบาลที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ ในเขต กปภ. 224 แห่ง และนอกเขต กปภ. 157 แห่งด้วย ในส่วนพื้นที่การให้บริการของการประปานครหลวง (กปน.) มีแผนการผันน้ำแม่กลองเพื่อการอุปโภคบริโภคและแผนขุดเจาะน้ำบาดาล 4 บ่อ

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

สำหรับในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรนอกเขตชลประทาน ที่คาดว่าจะมีพื้นที่เสี่ยงรุนแรงกว่า 30 จังหวัด 0.37 ล้านไร่ กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเตรียมแผนรับมือโดยเร่งจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุน ทั้งการขุดบ่อบาดาลและหาแหล่งน้ำผิวดิน เพื่อลดความรุนแรงของไม้ผลที่อาจยืนต้นตายได้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือทั้งประเทศรวม 4,192 เครื่อง และจัดเจ้าหน้าที่พร้อมให้การช่วยเหลือได้ทันทีที่ประชาชนร้องขอ ส่วนสถานการณ์แม่น้ำโขงที่ลดลง

ห่วง 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำกินน้ำใช้

เตรียมเสนอขอความร่วมมือจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในการขอน้ำเพิ่มในฤดูแล้งเป็นกรณีพิเศษ และให้วางมาตรการแม่น้ำโขงให้ชัดเจนเพื่อการบริหารจัดการน้ำในอนาคตด้วย โดยขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพื่อจะได้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอในทุกกิจกรรมตลอดช่วงแล้งนี้