ในการเสวนา โฉมหน้าประเทศไทย 2020 ในงาน Nation Dinner talk ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2020 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ปัจจุบันรัฐบาลยังมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ ซึ่งสะท้อนได้จากการทำงานให้กับประชาชน ว่ายังเป็นรัฐบาลที่พึ่งได้ มีความหวัง ซึ่งประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ขณะที่ทุกพรรคการเมืองในฝั่งรัฐบาลมีเป้าหมายเดียวกัน ในการทำงานร่วมกัน ไม่ต่างคนต่างทำ และทำงานในทิศทางเดียวกัน จึงถือว่ายังมีเสถียรภาพอยู่
ส่วนการดูแลเศรษฐกิจนั้น จะเดินหน้าต่อเนื่องจากปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์การปฎิรูปประเทศ เนื่องจากต่างชาติให้ความสำคัญและมีความเชื่อมั่นว่าไทยสามารถดำเนินการได้ เห็นได้จากการปรับอันกับเครดิตประเทศของสถาบันจัดอันดับ 3 แห่ง ขยับอันดับเครดิตไทยดีขึ้นจากในรอบหลายปี สะท้อนว่าต่างชาติเชื่อมั่นแนวทางการปฎิรูปประเทศของไทย
พร้อมทั้งเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง ถนน และอากาศ โดยจะเดินหน้าเข้มข้นในการจัดหาแหล่งเงินทุน และใช้กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ให้มากขึ้น
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการส่งเสริมการให้สวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่อง เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรอบใหม่ ในต้นปีหน้า และทบทวนผู้ที่เคยได้รับสิทธิ์แล้วว่ามีความจำเป็นได้รับอยู่หรือไม่ เพื่อให้เม็ดเงินช่วยเหลือลงสู่ฐานรากอย่างแท้จริง
รวมถึงต่อยอดระบบ National-e Payment โดยการใช้ข้อมูลที่ได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการชิมช้อปใช้ มาต่อยอดว่าจริงๆ แล้วความต้องการของประชาชนฐานรากต้องการอะไร ซึ่งสุดท้ายจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้
"ปีหน้าพร้อมมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา หากมีความจำเป็น เพราะเป็นการดูแลเศรษฐกิจระยะสั้น แต่จุดประสงค์หลักคือการปฎิรูปประเทศให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงในอนาคต ซึ่งวันนี้วินัยการเงินการคลังมีความแข็งแกร่ง และได้รับการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับ 3 แห่งพร้อมๆกันในปีนี้ ซึ่งมีมุมมองดีขึ้นในรอบหลายปี ซึ่งสะท้อนว่าต่างชาติเห็นว่าเราดี ยังดูแลเศรษฐกิจระยะสั้นได้ ต่างชาติเชื่อมั่น แล้วไทยเองเชื่อมั่นแค่ไหน ถ้ามีจะทำให้ประเทศไทยในปีหน้าเดินต่อได้”นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม ยังกล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการทบทวนและปฎิรูปโครงสร้างภาษี โดยให้ความสำค้ญในการสนับสนุนการทำงานของเอกชน แต่ต้องให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้ด้วย ซึ่งปลัดกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ส่วนการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ชนั้น กระทรวงการคลังได้ยกร่างพ.ร.บ.แล้ว แต่เน้นไปที่บริษัทต่างชาติที่ทำการซื้อขายในไทย ให้เสียภาษีเช่นบริษัทไทยทั่วไป ซึ่งต่างชาติเข้าใจและพร้อมดำเนินการตามการจัดเก็บภาษีของไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อแล้วเสร็จจะเสนอให้ครม.พิจารณา และผลักดันเป็นกฎหมายต่อไป