นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่สหรัฐฯและจีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรก (เฟส 1) เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลกปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมองว่าจุดตํ่าสุดของความขัดแย้งทางการค้าของทั้ง 2 มหาอำนาจได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ดีภาพรวมส่งออกของไทยที่จะได้รับประโยชน์จากการบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้ไม่มากนัก โดยสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าเกษตรไทย ที่จีนต้องนำเข้าหลัก ๆ ตามข้อตกลงคือถั่วเหลืองที่จีนนำเข้ามาจากสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งคงไม่กระทบไทย เพราะไทยเองก็นำเข้าถั่วเหลืองเช่นกัน รองลงมาคือเนื้อสุกร ที่จีนมีปัญหาเรื่องโรคอหิวาต์แอฟริการะบาด ซึ่งสหรัฐฯจะได้รับประโยชน์ส่งออกไปจีนได้เพิ่ม แต่ที่ไทยจะได้ตลาดเพิ่มคือสินค้าไก่ จากจีนมีการนำเข้าไปทดแทนเนื้อสุกร ส่วนสินค้าอื่นๆ ภาพยังไม่ชัดเจน
“ปีนี้ทั้งสหรัฐฯและจีนน่าจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีระหว่างกันพอสมควรเพราะหากมีการยืดเยื้อออกไปก็กระทบการค้าไปทั้งโลก ที่ผ่านมาจีน และสหรัฐฯก็มีการย้ายฐานการผลิตมายังแถบอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม และไทย ซึ่งสรท.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลคาดจะแถลงข่าวในเดือนหน้า (มกราคม 2563)”
ด้านดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 ของสหรัฐฯและจีนในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก แต่การบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะลงนามและมีบังคับใช้เมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามในส่วนของประเทศไทยในแง่การส่งออกไทยในปี 2562 อาจจะปรับตัวดีขึ้นจากที่คาดการณ์ว่าจะส่งออกติดลบ ก็อาจจะพลิกกลับมาเป็นบวก (10 เดือนแรกติดลบ 2.4%) คงต้องติดตามสถานการณ์ปีนี้และต้นปีหน้าอย่างใกล้ชิด
“ภาพรวมเป็นผลดีกับเศรษฐกิจโลกและการค้าโลก ถือว่าเป็นการพักรบกันชั่วคราว หลังจากที่มีแต่ปัจจัยเสี่ยง ก็เริ่มเห็นแสงสว่างบ้าง แม้ว่าจะไม่มาก ซึ่งต้องรอดูปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไร”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,532 วันที่ 19-21 ธันวาคม 2562