นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการ สมาคมการค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน เปิดเผยว่า 4 สมาคมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กไทย ต้องการขอให้รัฐบาลพิจารณากำหนดนโยบายสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวดที่ผลิตในประเทศ (Local Content) สำหรับงานโครงการภาครัฐ ยกตัวอย่างโครงการภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค โครงการรถไฟฟ้า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ฯลฯ รวมถึงโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และโครงการที่รัฐให้สัมปทาน ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย เกาหลี และอินโดนีเซีย ได้มีการดำเนินนโยบายดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ กลุ่ม 4 สมาคมผู้ผลิตเหล็ก ได้เสนอมาตรการในการแก้ไขวิกฤตอุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวดในประเทศไทยในการสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวดที่ผลิตในประเทศ (Local Content) สำหรับงานโครงการภาครัฐใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.พิจารณากำหนดสัดส่วนการใช้สินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวดที่ผลิตได้ในประเทศสำหรับงานโครงการภาครัฐ (นับตั้งแต่วัตถุดิบขั้นต้น วัตถุขั้นกลาง สินค้าสำเร็จรูป หากมีผู้ผลิตในประเทศ) 2. พิจารณาใช้สินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวดที่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประเทศไทยสำหรับงานโครงการภาครัฐ
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า หากนโยบายดังกล่าวได้มีการบังคับใช้จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตและบริโภคเหล็กที่ผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเงินและปัจจัยการผลิตต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับการนำเข้า เกิดการสร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิต เช่น ธุรกิจขนส่ง งานบริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอีกทางหนึ่ง สอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งเป็นการลดการขาดดุลทางการค้าจากนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ
“ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวด ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะชะงักงันของธุรกิจก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ผลิตในประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาอุปสงค์ที่เกิดจากงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเป็นหลัก ดังนั้นหากรัฐบาลกำหนดนโยบายส่งเสริมการใช้เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวดที่ผลิตในประเทศออกมา ก็จะช่วยให้ผู้ผลิตในประเทศเพิ่มการใช้กำลังการผลิตส่วนเกินที่มีอยู่ได้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กลวด มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 12 ล้านตัน แต่มีการบริโภคเพียง 5 ตันเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสมาคมผู้ผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ได้มีโอกาสเรียนชี้แจงรายละเอียดนโยบายสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตในประเทศ แก่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมในเบื้องต้นแล้ว
สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กถือเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญของประเทศหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง ยานยนต์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยอุตสาหกรรมเหล็กได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการหดตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
นอกจากนี้อุตสาหกรรมเหล็กยังต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาทุ่มตลาดจากต่างประเทศ ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากผลพวงของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้มีสินค้าเหล็กราคาต่ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ไหลทะลักเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยมากขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดว่าเป็นผู้นำเข้าสินค้าเหล็กสุทธิรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2561 มีปริมาณการบริโภคสินค้าเหล็กในประเทศ 19.3 ล้านตัน เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ 12 ล้านตัน มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท โดยเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศเพียง 7.3 ล้านตัน ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศมีการใช้อัตรากำลังการผลิตเพียง 38% เท่านั้น
นายประวิทย์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในหลายประเทศได้ให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเหล็กเป็นอย่างมาก เช่น กรณีสหรัฐอเมริกา กำหนดเป้าหมายการใช้อัตรากำลังการผลิตอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศต้องไม่ต่ำกว่า 80% กรณีประเทศอินเดีย ได้มีการจัดตั้งกระทรวงเหล็ก (Ministry of Steel) เพื่อดูแลและส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ กรณีประเทศสาธารณรัฐเกาหลีที่มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กอย่างจริงจังและมีคำขวัญว่า “เหล็กคืออำนาจแห่งชาติ (Steel is national power)” และประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศให้อุตสาหกรรมเหล็กเป็นแม่ของอุตสาหกรรมอื่น ๆ (Mother of Industries)
อนึ่ง 4 สมาคมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กไทย ประกอบด้วย 1.สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กไทย ,2. สมาคมการค้าเหล็กลวดไทย ,3.สมาคมการค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน และ4.สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า