เปิดมูฟเมนต์‘บอดี้โกลฟ’ สู่ไลฟ์สไตล์แฟชั่น

นางสาวดลนภา ธรรมวัฒนะ ผู้อำนวยการสายงานบริหารการตลาดและอี-คอมเมิร์ซ บริษัท บอดี้ โกลฟฯ หรือบริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแฟชั่นเสื้อผ้าแบรนด์ “บอดี้ โกลฟ” ( Body Glove) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องของตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่ากระทบต่อยอดขายของแบรนด์บ้างเล็กน้อย ทำให้บริษัทต้องมีการปรับโพสิชันและภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย สดใหม่ และมียังเกอร์ หลังจากอยู่ในตลาดเมืองไทยมากว่า 30 ปี โดยเริ่มทยอยเปิดตัวสินค้าในคอลเลกชันไลฟ์สไตล์แฟชั่นเข้ามาเสริมพอร์ตมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันของตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าที่สูงขึ้น

“ช่วงที่ผ่านมาภาพรวมตลาดฟาสต์แฟชั่นมีการแข่งขันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้เล่นแบรนด์ต่างชาติที่เข้ามามากขึ้นและผู้เล่นแบรนด์ไทยทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายแบรนด์ที่ทยอยหายไปจากตลาดเช่นกัน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่ดุเดือดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้แบรนด์ต้องมีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา”

สำหรับแบรนด์บอดี้ โกลฟ โฉมใหม่ได้เริ่มมีการทยอยปรับภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปมาก ซึ่งเริ่มแตกไลน์สินค้าในกลุ่มไลฟ์สไตล์แฟชั่นเข้ามาเสริมพอร์ต กับคอลเลกชันวินเทอร์ 2019 ใน 2 คอลเลกชันในชื่อ “แบล็กไลต์” (Blacklight) กับคู่สีคลาสสิกอย่างสีดำและสีขาวมาดีไซน์ให้ชุดดูมีความสมาร์ทและทะมัดทะแมง และ “นีออน ไนต์” (Neon Nights) ที่สร้างสรรค์เทรนด์ชุดแอกทีฟแวร์ให้โดดเด่นขึ้นด้วยสีสันอันสดใส เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่มากขึ้น

“จุดเด่นอยู่ที่การพัฒนาเสื้อผ้าให้เหมาะกับยุคสมัย ที่มีการสอดแทรกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ลงไปในการดีไซน์เสื้อผ้า ดังนั้น “บอดี้ โกลฟ” (Body Glove) จึงเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่มีความสปอร์ตแฝงอยู่ในตัว ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง สามารถสวมใส่ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและเวลาออกกำลังกาย ซึ่งแน่นอนกว่าจากเทรนด์”

ดลนภา ธรรมวัฒนะ

พร้อมกันนี้ยังเตรียมแตกไลน์เสื้อผ้าในกลุ่มที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันทุกวัน (Everyday Look) มากขึ้น จากเดิมที่เสื้อผ้าของแบรนด์ส่วนใหญ่จะนิยมสวมใส่เฉพาะในวันหยุดหรือไม่ใช่วันทำงานเท่านั้น เพื่อสร้างความหลากหลายของพอร์ตสินค้าในแบรนด์ให้มีมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังอี-คอมเมิร์ซ หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทนำร่องทำอี-คอมเมิร์ซไปบ้างแล้วและพบว่าประสบความสำเร็จเติบโตกว่า 100% ไม่ว่าจะเป็นในช่องทางของบริษัทเองอย่าง BGT4U.com หรือมาร์เก็ตเพลสอื่น อาทิ ลาซาด้า, ช้อปปี้, เจดี เซ็นทรัล เป็นต้น รวมถึงการทำโปรโมชันและกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ควบคู่กับการใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ และไมโครอินฟลูเอ็นเซอร์เข้ามาใช้ในการสื่อสารแบรนด์กับลูกค้าให้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันของตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าเมืองไทยในปีหน้าประเมินว่าจะยังคงมีการแข่งขันกันรุนแรงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจากเทรนด์แฟชั่นและความนิยมของคนรุ่นใหม่ก็จะส่งให้ตลาดแฟชั่นเสื้อผ้ายังมีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ยังมีผู้ประกอบการทั้งแบรนด์เก่าและใหม่ ทั้งในและต่างประเทศยังคงให้ความสำคัญกับการเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าตอบโจทย์และเทรนด์ตลาดให้ตรงจุดมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมตลาดที่มีการแข่งขันกันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในสิ้นปีนี้ยอดขายของบริษัทจะมีการเติบโตบ้างเล็กน้อยหรือทรงตัวจากปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นสัดส่วนมาจากกลุ่มเสื้อผ้าเบสิก เสื้อยืด เสื้อโปโล ทั่วไป 50%, กลุ่มแอกทีฟ เสื้อผ้าตามซีซันนัล ที่จะเปิดตัว 3 คอลเลกชันต่อปี 20% และกลุ่มสปอร์ต แคชวล เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์แฟชั่น 30%

หน้า 31-32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,530 วันที่ 12-14 ธันวาคม 2562