"สบายอารมณ์" ปั้นแบรนด์ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
“สบายอารมณ์” ชี้เทรนด์สุขภาพโลกมาแรง เร่งปั้นแบรน์พร้อมปรับทิศทางการดำเนินงาน ชูธรรมชาติบำบัด ตอบโจทย์คนเมืองรักสุขภาพ มั่นใจโกยยอดขายโต 100% กลางปีหน้า
นางสาวศศธรณ์ ณ สงขลา ผู้ก่อตั้งแบรนด์สบายอารมณ์ บริษัท ออเทนติคไทยสปา จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์สปาเพื่อสุขภาพและความผ่อนคลาย แบรนด์ “สบายอารมณ์” เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของแบรนด์สบายอารมณ์นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้ เป็นที่รู้จักในการขายความสุขคอนเซปต์ คือ ส่งความสุขจากต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ โดยนับจากปลายปีนี้บริษัท จะหันมาให้ความสำคัญกับพลังบำบัดจากกลิ่นน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ 100% หลังใช้เวลากว่า 3 ปีในการศึกษารูปแบบตลาด การทำงาน เพื่อตอกย้ำและตอบโจทย์กลุ่มไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่รักวิถีชีวิตธรรมชาติบำบัด ควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนผสมน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์อีกกว่า 30 รายการ พร้อมทยอยนำเข้าน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์จากทั่วโลกอีกมากกว่า 50 รายการเพื่อตอบโจทย์ สุขภาพและความงามให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
“นอกจากวางจำหน่ายในรูปแบบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป สบายอารมณ์ยังวางแผนในการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในการผสมน้ำมันหอมระเหย 100% เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของตนเองในราคาสมเหตุสมผล โดยจะทยอยวางตลาดสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในปลายปีนี้”
พร้อมกันนี้ยังมีแนวทางการในการเปลี่ยนแปลงทิศทางของแบรนด์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันหอมระเหย เพื่อรองรับเทรนด์สุขภาพที่กำลังเติบโต ในการสร้างให้แบรนด์เติบโตต่อเนื่อง พร้อมทั้งเข้าไปอยู่ ในใจของผู้บริโภคให้ได้ในปี 2563 นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายรุกตลาดในช่วงโค้งท้ายของปีนี้กับแผนกระจายผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ sabai-arom.com เว็ปช็อปปิ้งออนไลน์ Lazada ,Shopee และร้าน Boots ทุกสาขากรุงเทพและปริมณฑล ก่อนในช่วงกลางปี 2563 จะทยอยรุกสู่สาขาหัวเมืองใหญ่ แนวโน้มที่จะส่งไปสาขามี เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ตามกลุ่มตลาดอีอีซีอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการดูแลตัวเอง
“เทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรงและเติบโต ตั้งเป้าสร้างยอดขายเติบโต 100 % ภายในกลางปี 2563 ขณะที่แนวโน้มสินค้าเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพในตลาดโลกเติบโต 8-9% ทุกปี และมีแนวโน้มขยายตัวทุกปี ทำให้เราเร่งสร้างแบรนด์ในเชิงรุกเพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว”