ด้วยคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น จากปณิธาน “กล้า กระตือรือร้น แน่วแน่ ยืดหยุ่น” ทำให้ธนาคารธนชาตเป็นหนึ่งในใจของลูกค้า ล่าสุดเปิดตัว “ธนชาต DRIVE” แบรนด์สินเชื่อรถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ทั้ง “ธนชาตDRIVE New Car” “ธนชาตDRIVE Used Car” และ “ธนชาตDRIVE รถแลกเงิน” ซึ่งสะท้อน DNA ของทีมงานธนาคารธนชาตกับภารกิจขับเคลื่อนความสำเร็จ เพื่อให้คู่ค้าและลูกค้าเป็นฮีโร่ของครอบครัว เมื่อธุรกิจเติบโต
“ป้อมเพชร รสานนท์” รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจ สินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน)เกริ่นถึงสิ่งที่ทำให้ธนชาตชนะใจลูกค้ามาจนถึงวันนี้ว่า ที่ผ่านมาธนาคารธนชาตแข็งแกร่งเรื่องสินเชื่อรถยนต์อยู่แล้ว แต่หลังจากทำการวิจัยพบว่า การทำประชาสัมพันธ์หรือทำตลาด ต้องมี Dynamic ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์และทำให้แข็งแรงในตลาด ดังนั้นการปั้นแบรนด์ “ธนชาตDRIVE” ที่มีความหมายถึงการขับเคลื่อน ซึ่งสื่อถึงธุรกิจรถยนต์และการขับเคลื่อนลูกค้า ซึ่งเป็นทัศนคติของทีมงาน จึงเป็นการดึงในสิ่งที่เราเก่งและเชี่ยวชาญออกมา เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
“ผมทำงานที่ธนชาตมา 30 ปี เราจริงจังกับเรื่องสินเชื่อรถยนต์มากกว่า 20 ปีและเป็นที่ 1 มาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากที่เราคอยขับเคลื่อนความก้าวหน้าให้กับคู่ค้าและลูกค้า ด้วยจิตวิญญาณที่มีความกล้าคือ กล้าที่จะคิด กล้าที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และลงทุน รวมถึงหาช่องทางใหม่ๆด้วยความกระตือ รือร้นแน่วแน่ เพื่อช่วยให้เกิดความมั่นใจ ไม่ว่ากับคู่ค้าหรือลูกค้าในการพิจารณาเครดิตก็มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เช่น อาชีพเกษตรกร รายได้แต่ละพื้นที่จะแตกต่างกัน และภายใต้สถานการณ์วันนี้ที่เข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น เราได้พัฒนากระบวนการให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบ คือ ALDX (Automotive Lending Digital Experience) ตั้งแต่ลูกค้าสมัครขอสินเชื่อ บริการหลังการขายทุกขั้นตอน จนลูกค้าปิดบัญชีและเสนอสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ลูกค้าสนใจ”
ป้อมเพชร รสานนท์
“ป้อมเพชร” คาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ ทั้งอุตสาหกรรมจะมียอดขาย 1 ล้านคัน ส่วนของธนชาตช่วง 10 เดือน ยอดสินเชื่อคงค้างยังเติบโต 10% จากปีที่แล้ว คาดว่าสิ้นปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.6 แสนล้านบาท โดยจำนวนนี้กว่า 4 หมื่นล้านบาทเป็นส่วนของรถแลกเงิน ขณะที่การคิดอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้(DSR)ของธนชาตDRIVE อยู่ระหว่าง 50-70% ขึ้นกับกลุ่มลูกค้า ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไตรมาส 3 รักษาระดับที่ 1.2% เทียบกับอุตสาหกรรมที่ 1.86% ซึ่งธนชาตตํ่ากว่าอุตสาหกรรมและลูกหนี้จัดชั้นที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ตํ่ากว่าอุตสาหกรรมเช่นกัน โดยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 7.42%
“ภาพรวมตลาดสินเชื่อรถยนต์ปี 2563 น่าจะทรงตัว หากเป็นไปตามสมมติฐานเศรษฐกิจไทยที่รัฐบาลคาดการณ์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เราจึงตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรถยนต์จะเติบโต 5% และปีหน้าเราโฟกัสสินเชื่อรถแลกเงินต่อเนื่องจากปีนี้และพยายามเพิ่มช่องทางขายเพื่อรองรับลูกค้าผ่านออนไลน์ทั้งรถแลกเงินและมาร์เก็ตเพลส”
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนชาตDRIVE มีฐานลูกค้า 2 ส่วนคือ ลูกค้าทั่วไปที่ใช้บริการผ่านโชว์รูม และลูกค้าส่วนหนึ่งที่เริ่มใช้ช่องทางออนไลน์ หาข้อมูลเพื่อตัดสินใจซื้อ ซึ่งหากลูกค้าตัดสินใจซื้อจากโชว์รูมนอกเขตพื้นที่หรือจังหวัดที่อาศัยอยู่ เราก็สามารถให้บริการข้ามเขตได้ครอบคลุมทุกพื้นที่โดย Application Cross Area Booking และหากลูกค้าดาวน์โหลด Thanachart Connect โมบายแอป ก็สามารถติดตามการอนุมัติสินเชื่อได้ ซึ่งลูกค้าสามารถสมัครขอสินเชื่อผ่าน Thanachart Connect ได้โดยตรงเช่นกัน
ส่วนกระบวนการพิจารณาจะเร็วหรือช้าขึ้นกับ segment ของลูกค้า เช่น กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้เป็นเงินเดือนประจำและยื่นเอกสารครบถ้วน จะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เช่น ลูกค้าทั่วไป อาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์)หรือผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่มเกษตรกรรม จะใช้เวลาแตกต่างกันไปขึ้นกับการแสดงเอกสารรายได้และพื้นที่
“การมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ มีโมเดลธุรกิจเฉพาะตัว ถือเป็นจุดเด่นของธนชาต ซึ่งแตกต่างจากธนาคารอื่นๆในตลาด ประกอบกับมีฐานข้อมูลลูกค้า และส่วนตัวมีประสบการณ์ทำงานกว่า 30 ปี ทำให้เข้าใจลูกค้า รู้ภาวะตลาดและวัฒนธรรมคู่ค้าเป็นอย่างดี สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างเหนียวแน่น”
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,528 วันที่ 5-7 ธันวาคม 2562