รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 พบการซื้อขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) ของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (RS) จำนวน 96,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 13.70 บาท รวมมูลค่า 1,315,200,000 บาท โดยเป็นการขายหุ้นของ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ (เฮียฮ้อ) ประธานกรรมการบริษัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อของกลุ่ม “ศรีวัฒนประภา” หรือ กลุ่มคิงเพาเวอร์ จำนวน 9.87% ซึ่งในอดีตได้เคยซื้อหุ้น RS แล้วเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 จำนวน 94 ล้านหุ้น และได้ขายหุ้นออกเกือบทั้งจำนวนในช่วงวันที่ 8 ตุลาคม 2558
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจข้อมูลการขายหุ้นของผู้บริหาร RS ปี 2562 พบว่า นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ขายหุ้นรวม 4 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 2,435,300,000 บาท ขณะที่การขายหุ้นล่าสุด ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ของ RS มีการเปลี่ยนแปลง โดยนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 สัดส่วน 20.79% ส่วนกลุ่มคิงเพาเวอร์ ถือหุ้นเป็นอันดับ 2 สัดส่วน 9.87% อันดับ 3 คือนายโสรัตน์ วณิชวรากิจ สัดส่วน 9.65% อันดับ 4 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด สัดส่วน 6.44% และอันดับ 5 บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) สัดส่วน 6.06%
สำหรับที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2562 นายสุรชัย และนายโสรัตน์ วณิชวรากิจ 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่ RS ได้ขายหุ้นบิ๊กล็อต รวมกัน 3 รายการ จำนวนรวม 70 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 15 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,050 ล้านบาท โดยผู้ทำรายการเข้าซื้อ คือ BTS นอกจากนี้เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจใหม่กับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WORK) ซึ่งจากการประเมินรายได้จากการร่วมธุรกิจกับช่องเวิร์คพอยท์ ในปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท และปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด ยังคงแนะนำให้ “ถือ” หุ้น RS จากการคาดการณ์ธุรกิจพาณิชย์ (Multi-platform Commerce : MPC) มีอัตราการเติบโตที่ลดลงจากในอดีตจากการแข่งขันขายสินค้าผ่านทีวีที่มีจำนวนมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ และมีการเปรียบเทียบสินค้าที่มีความหลากหลาย ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซาส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น สำหรับธุรกิจมีเดียทีวีดิจิทัลยังคงมีการแข่งขันรุนแรงในด้านคอนเทนต์ เรตติ้ง และราคา ส่งผลให้การปรับอัตราค่าโฆษณามีจำกัด โดยคาดกำไรปกติปี 2562 ลดลง 3% และปี 2563 เพิ่มขึ้น 10% ด้านราคาเป้าหมายอยู่ที่ 13.00 บาท
ด้านบล.เอเซียพลัสฯ ระบุว่า การเข้ามาถือหุ้น RS ของกลุ่มคิงเพาเวอร์ ถือเป็นปัจจัยที่ดีต่อราคาหุ้น RS เนื่องจากไม่ได้กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของ RS รวมถึงปัจจัยทางพื้นฐาน แต่ยังมีลุ้นว่าในอนาคต คิงเพาเวอร์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับบริษัท RS หรือไม่และอย่างไร ทั้งนี้ ในมุมพื้นฐาน พบว่า ราคาหุ้น RS ปีนี้ ยังต่ำกว่าตลาดอยู่มาก คือ ปรับตัวลงมา 7.4% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 2.8% โดยต่อจากนี้ยังมีหลายปัจจัยให้น่าสนใจลงทุน จากการขับเคลื่อนสู่ Data-Driven Entertainmerce พร้อมกับเตรียมเปิดตัวพันธมิตรใหม่อีก 2 ช่อง ภายในปีนี้ จะทำให้ RS มีช่องทางการขายสินค้าผ่านทีวีดิจิทัลรวมทั้งหมด 4-5 ช่อง เข้าถึงฐานผู้ชมราว 40 ล้านคนต่อวัน
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS กล่าวว่า บริษัทได้ปรับผังรายการใหม่ เพื่อเดินหน้าขยายฐานผู้ชมทั่วประเทศ ให้สำเร็จเร็วขึ้น เน้นการนำเสนอคอนเทนต์ที่เหมาะสม เจาะกลุ่มคนดูทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนดูที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุมอายุ 25 ปีขึ้นไป และมีโอกาสเป็นผู้ชมใหม่ โดยเน้นเนื้อหาที่ดูง่ายแบบครอบครัว โดยมองว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล ปี 2563 ทุกช่องต่างปรับโฉมผังรายการให้มีคุณภาพโดนใจผู้ชมและช่วงชิงสายตาคนดู การเตรียมทัพในศึกใหม่นี้ คาดว่าจะเป็นไปอย่างดุเดือด และรุนแรง
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่39 ฉบับที่ 3,527 วันที่ 1-4 ธันวาคม 2562