‘สุริยะ’เปิดเหตุผล ล้มมติแบน3สารพิษป้อง‘อุตฯอาหารเลี้ยงสัตว์-ส่งออก’

30 พ.ย. 2562 | 04:00 น.

สังคมกำลังเกิดความสับสนในแนวทางของรัฐบาล เมื่อนโยบาย “แบน 3 สารพิษ” คือ พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซต ที่กำลังจะนำไปสู่การปฏิบัติควรตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานที่เชื่อว่า น่าจะผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาแล้วอย่างดี รวมถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ก่อนจะมีมติให้ประชาชนและสังคมได้รับรู้กันในวงกว้าง

รายการ NEWSROOM ห้องข่าวเศรษฐกิจ ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.45-12.00 น. ทางเนชั่นทีวีช่อง 22 ช่วง ลึก แต่ไม่ลับ กับ บากบั่น บุญเลิศ ดำเนินรายการโดยบากบั่น บุญเลิศ และ วิลาสินี แวน ฮาเรน ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้หยิบยกเหตุการณ์ร้อนที่กำลังเกิดขึ้นมาพูดคุย พาไปดูเบื้องหน้าเบื้องหลังของเรื่องนี้กัน

เหตุการณ์ร้อนครั้งนี้ปะทุขึ้นหลังจากการประชุมของ คณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ ที่มี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติล้มมติเดิมที่ให้ “แบน 3 สารพิษทางการเกษตร” ของคณะกรรมการชุดเดิม ภายใต้ การผลักดันของ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนหน้านี้ เชื่อมโยงกับเสถียรภาพการทำงานของรัฐบาล ที่กำลังเกิดรอยแตกร้าวขึ้นระหว่าง 3 พรรค ร่วมรัฐบาล “พลังประชารัฐ- ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” รวมไปถึงหน่วยงานและข้าราชการภายในกระทรวงตามมาด้วย

‘สุริยะ’เปิดเหตุผล ล้มมติแบน3สารพิษป้อง‘อุตฯอาหารเลี้ยงสัตว์-ส่งออก’

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติเอกฉันท์ด้วยคะแนน 24 ต่อ 0 จากคณะกรรมการทั้งหมด 29 คน ไม่เข้าร่วมประชุม 5 คน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 คน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม 1 คน และผู้แทนสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติอีก 1 คน โดยที่ประชุมได้มีมติใน 2 เรื่องสำคัญ คือ

1. ให้ขยายเวลาการยกเลิกการใช้ พาราควอต และ คลอร์ไพรีฟอส ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมให้มีผลทันทีภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563

และ 2. ยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซตออกไป มาเป็นการจำกัดการใช้แทน ซึ่งเป็นการควํ่ามติเดิมของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ประชุมกันเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ให้แบนทั้ง 3 สารพิษทางการเกษตรนี้ทันที

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรไปเร่งหาสารมาทดแทน พาราควอต และคลอร์ไพรีฟอส เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงหามาตรการลดผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ด้านสาธารณสุข และนำกลับมาเสนอต่อคณะกรรมการภายใน 4 เดือน

 

ต่อเรื่องนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ชี้แจงผ่านรายการ “NEWSROOM ห้องข่าวเศรษฐกิจ” ช่วงหนึ่งเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการล้มมติเดิมในครั้งนี้ รวมถึงบรรยากาศการประชุมกว่า 4 ชั่วโมง โดยทำความเข้าใจก่อนว่า การประชุมวันนั้นเป็นการประชุมในลักษณะของ “คณะกรรมการ” ซึ่งแต่ละคนมีเพียง 1 เสียงเท่ากัน ที่ประชุมได้นำปัญหาต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกันเห็นว่า ถ้าให้มีผลในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นมติของการประชุมเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงแค่ 1 เดือนเศษจะทำให้เกษตรกรเดือดร้อน

‘สุริยะ’เปิดเหตุผล ล้มมติแบน3สารพิษป้อง‘อุตฯอาหารเลี้ยงสัตว์-ส่งออก’

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีสินค้าที่อยู่ในมือเกษตรกร ร้านค้า และผู้ประกอบการต่างๆ ประมาณ 23,600 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท หากมีมติแบนทันทีภายในเวลา 1 เดือนนี้ บางส่วนไม่สามารถผลักดันกลับไปได้ ต้องมีวิธีการจัดการที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในที่ประชุมจึงเห็นพ้องกันว่า ควรขยายระยะเวลาออกไปอีก 1 เดือน

ในขณะที่ความเห็นของ “กรมวิชาการเกษตร” นั้น นายสุริยะ เล่าว่า ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิก หรือ แบนการใช้สารดังกล่าว โดยเสนอให้มีการจำกัดการใช้ 3 สารพิษในพื้นที่ที่จำเป็น และใช้กับพืชเกษตร 6 ชนิด อาทิ อ้อย ปาล์มนํ้ามัน มันสำปะหลัง ยางพารา และข้าวโพด

นอกจากนี้ในที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตกรณีสารไกลโฟเซตซึ่งปัจจุบันมี 161 ประเทศใช้กันอยู่ว่า ถ้าประเทศไทยห้ามการใช้จะส่งผลกระทบอย่างไรหรือไม่ ได้คำตอบจากนายกสมาคมผู้ประกอบการอาหารสัตว์ว่า จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยอย่างมากเนื่องจากประเทศไทยต้องนำเข้าถั่วเหลือง และข้าวสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตมาจากสหรัฐอเมริกา และบราซิล ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้ยังใช้สารไกลโฟเซตอยู่

 

ดังนั้น ถ้าประเทศไทยห้ามใช้ย่อมต้องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารเลี้ยงสัตว์ของไทย ส่งผลกระทบกับตัวเลขการส่งออกของไทยที่มีมูลค่าสูงนับ 8 แสนล้านบาท เพราะปรับตัวไม่ทัน

อย่างไรก็ดี นายสุริยะ ยืนยันว่า ตนเองนั้นเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐที่จะออกมาเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ก็เห็นว่า ควรมีระยะเวลาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการ ซึ่งประเทศไทยใช้สารดังกล่าวมานานกว่า 40-50 ปี ดังนั้น ถ้าเราจะห้ามไม่ให้ใช้ แล้วเขาขอเวลาเราอีก 6 เดือน ก็น่าจะผ่อนผันให้ได้

ส่วนกรณีตัวเลขการลงมติที่มีกระแสข่าวออกมาไม่ตรงกันนั้น นายสุริยะ ยืนยันว่า ได้มีการถามในที่ประชุมอย่างชัดเจน มีขั้นมีตอน ทั้งยังพิมพ์ขึ้นจอเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันก่อนลงมติ อย่างไรก็ดี ได้ให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปการประชุมในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไปด้วย

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสถียร ภาพทางการเมือง และยังคงสามารถพูดคุยกับนายอนุทิน (ชาญวีรกูล) รองนายกฯ ได้เหมือนเดิม เพราะทุกคนย่อมมีความเห็นต่างกันได้” นายสุริยะ กล่าวทิ้งท้ายก่อนวางสายเพื่อไปลงมติในที่ประชุมสภา

ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ยืนยันจุดยืนว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายในสัดส่วนของกระทรวงสาธารณสุข คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นั้นลงมติยืนยันมติเดิมที่ให้แบน 3 สารพิษในวันที่ 1 ธันวาคม 2562

‘สุริยะ’เปิดเหตุผล ล้มมติแบน3สารพิษป้อง‘อุตฯอาหารเลี้ยงสัตว์-ส่งออก’

ด้านนางสาวมนัญญา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ประเทศไทยเลือกตั้งมาจากประชาธิปไตยไม่ใช่เผด็จการ ต่อสู้ต่อไปคงทำไม่ได้เพราะต้องเป็นไปตามมติใหม่ที่ออกมา ต้องไปสอบถามกรรมการ 24 คนว่า ได้ยกมือลงมติหรือไม่ หากจะเดินหน้าต่อไปขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

“หลังจากนี้ไปบรรยากาศการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐบาลจะเป็นอย่างไร การแบน 3 สารพิษจะพ่นพิษกับการทำงานของรัฐบาลอย่างไร น่าติดตามอย่างยิ่งครับ” นายบากบั่น ระบุ 

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 39 ฉบับที่ 3,527 วันที่ 1 - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562