“สนธิรัตน์”ปลื้ม B10 ดันราคาปาล์มใกล้ 5 บาท
“สนธิรัตน์” ตอกย้ำนโยบายพลังงาน บี 10 น้ำมันบนดินเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เผยความสำเร็จดันราคาปาล์มเข้าใกล้ 5 บาทต่อกิโลกรัม ดึงผู้ค้าน้ำมันและโรงกลั่น ซื้อขายไบโอดีเซลบี 100 ล่วงหน้า 3 เดือน
ในงานสัมมนา "บี 10 พลิกโฉมปาล์มน้ำมัน" จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก และสื่อในเครือเนชั่น ร่วมกับกระทรวงพลังงาน ณ โรงแรมบรรจงธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (24 พ.ย.62)
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษนโยบาย "บี 10 น้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก"ว่า จากการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไปนั้น ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันขณะนี้ขยับสูงขึ้น โดยราคาปาล์ม ณ ลานเทจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกปาล์มมากที่สุดของประเทศกว่า 1.3 ล้านไร่ ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4-4.70 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)แล้ว และเชื่อว่าราคามีแนวโน้มจะปรับตัวสูงต่อเนื่องอีก หลังจากดีเซลบี 10 มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ การส่งเสริมบี 10 ดังกล่าว มีเป้าหมายที่จะให้รถยนต์หันมาใช้บี 10 มากขึ้น ขณะที่น้ำมันดีเซลบี 7 และบี 20 จะเป็นน้ำมันดีเซลทางเลือก โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้รถยนต์หันมาใช้ดีเซล บี 10 หรือทดแทนดีเซล บี 7 ได้ทั้งหมดราวไตรมาส 2 ของปี 2563 ที่ 57 ล้านลิตรต่อวัน จะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ได้ประมาณ 2 - 2.2 ล้านตันต่อปี และช่วยให้เกิดการใช้ไบโอดีเซลหรือบี 100 เพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40% จากปัจจุบันที่มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซล 5.15 ล้านลิตรต่อวัน จะเพิ่มเป็นประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2563 และยังเกิดผลพลอยได้คือ ช่วยลดมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)
การดำเนินงานดังกล่าวจะช่วยให้ปาล์มน้ำมันเกิดความสมดุล จากสต๊อกที่เกินความต้องการ 4-5 แสนตัน กลับสู่ภาวะปกติที่ 2.5 แสนตัน เนื่องจากการนำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไบโอดีเซลคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการผลิตปาล์มน้ำมันทั้งหมดที่ราว 3.2-3.5 ล้านตัน
ขณะเดียวกันจะเร่งแก้ปัญหาการลักลอบน้ำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ ที่เป็นปัญหาทำให้ปริมาณปาล์มน้ำมันล้นสต๊อก โดยได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว ที่จะนำมิเตอร์มาติดตั้งที่คลังน้ำมันของโรงสกัด ซึ่งจะช่วยตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มเข้า-ออก และยังช่วยให้ทราบการผลิตปาล์มน้ำมันดิบของประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาปาล์มน้ำมันมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นหรือราคาปาล์มขยับขึ้นไปจากปัจจุบันมากยิ่งขึ้น จะเป็นเหตุจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกปาล์มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปาล์มน้ำมันมีผลผลิตออกมามากขึ้นอีก จะส่งผลทำให้ราคาร่วงลงมา ดังนั้นแนวทางการแก้ไขกระทรวงพลังงานจะหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะนำเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพาะปลูก เพื่อให้ทราบพื้นที่และปริมาณผลผลิตที่แน่นอน และจะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนเท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการควบคุมพื้นที่เพาะปลูกให้สมดุลกับปริมาณความต้องการใช้ของประเทศ
อีกทั้ง เพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ทางกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการหารือผู้ค้าน้ำมัน และโรงกลั่นน้ำมัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะประกาศราคาซื้อขายไบโอดีเซลหรือบี 100 ล่วงหน้า 3 เดือน เพื่อให้เกษตรกรทราบราคาล่วงหน้าไม่ต้องเร่งตัดปาล์มอ่อนออกมาจำหน่าย ซึ่งจะมีผลขายได้ราคาต่ำ และมีผลต่อคุณภาพน้ำมันปาล์มดิบ
ดังนั้น จึงเชื่อว่าตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป จะเป็นปีที่ดีของราคาผลปาล์มจากการส่งเสริมน้ำมันดีเซล บี10 ที่เป็นหนึ่งในกลไกด้านพลังงานช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น และทำให้ปาล์มน้ำมันไม่ติดกับปัญหาด้านราคาเหมือนที่ผ่านมา