ปั๊มน้ำมัน-ค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับตัวแรง รับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

23 พ.ย. 2562 | 08:00 น.

กระแสความนิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่พุ่งขึ้นในสหรัฐอเมริกา นับเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องเช่นกัน เพราะจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นบนท้องถนนไม่ได้หมายถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริษัทรถยนต์ประเภทนี้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงโอกาสทองในการสร้างรายได้เพิ่มสำหรับธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านค้าปลีก ศูนย์การค้า หรือสถานีบริการนํ้ามัน ที่ปัจจุบันหลายรายหันมาเปิดพื้นที่สำหรับชาร์จไฟฟ้าอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เรียกว่าปิดหัวจ่ายนํ้ามันแบบเดิมๆ กันไปเลยเพื่อหันมาจับตลาดใหม่ที่กำลังเรืองรอง 

 

ความไวในการปรับตัวเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้ จอห์น ไอค์เบิร์กเกอร์ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันเชื้อเพลิง (Fuels Institute) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านวิจัยในลอสแองเจลีส เปิดเผยว่า ในอดีตย้อนไปราว 3  ปีที่ผ่านมา บรรดาสถานีบริการนํ้ามันในสหรัฐฯไม่ค่อยชอบแนวคิดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากนัก พวกเขาไม่ต้องการให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นด้วยซํ้า เพราะคิดเองในตอนนั้นว่ารถยนต์ไฟฟ้าคือศัตรูตัวฉกาจที่จะมาฆ่าธุรกิจปั๊มนํ้ามัน แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าก็มาเป็นลูกค้าที่ปั๊มของพวกเขาได้ 

 

ไอค์เบิร์กเกอร์กล่าวในงานแสดงรถยนต์ประจำปี Los Angeles Auto Show ที่กำลังมีขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ว่า ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับสถานีบริการนํ้ามันที่ต้องการปรับตัวมารองรับรถยนต์ไฟฟ้าก็คือ เรื่องของเวลาที่ลูกค้าต้องใช้ในการเติมเชื้อเพลิง 

 

ติดตั้งหัวจ่ายไฟฟ้า-เพิ่มโอกาสลูกค้าใช้เงิน 

ปกติลูกค้าที่นำรถมาเติมนํ้ามันจะใช้เวลาเติมเฉลี่ย 3 นาที 30 วินาที แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า พวกเขาต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟฟ้ามากกว่านั้น โดยเฉลี่ยอย่างตํ่าคือต้องใช้เวลา 20-30 นาที แต่ถามว่าหากทางปั๊มต้องการเพิ่มลูกค้าใหม่ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าพวกเขาก็ต้องมีการปรับปรุงสถานที่เพื่อรองรับการชาร์จไฟ และระหว่างนั้นลูกค้าก็คงต้องใช้บริการอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น ซื้อกาแฟ  เข้าห้องนํ้า หรือซื้อขนมขบเคี้ยวอื่นๆ หรือแม้แต่ที่ที่พวกเขาสามารถใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเช็กอี-เมล์ 

 

“แม้ว่าปัจจุบัน คนส่วนมากจะชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาที่บ้านหรือที่ทำงาน แต่สถานีบริการนํ้ามันที่มีอยู่ทั่วประเทศสหรัฐฯ ประมาณ 145,000 แห่งในขณะนี้ ก็สามารถติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าภายในปั๊มของตัวเองเพื่อรองรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่มีจำนวนมากขึ้นทุกที” ผู้อำนวยการบริหารสถาบันวิจัยเชื้อเพลิงฯ กล่าว และว่า การเสริมเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้าไป (สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า) นอกเหนือจากบริการด้านอาหารและฟรี wi-fi เป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆให้กับสถานีบริการนํ้ามัน และดูเหมือนจำนวนสถานีบริการนํ้ามันแบบลูกผสมนี้จะทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

ปั๊มน้ำมัน-ค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับตัวแรง รับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

 

ค้าปลีกดิ้นหาช่องทางปรับปรุงลานจอดรถ

โอกาสเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นกับธุรกิจห้างร้านค้าปลีกด้วยเช่นกัน หลายแห่งเริ่มพัฒนาพื้นที่สำหรับให้ลูกค้าจอดและชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เอ็ด ฮัดสัน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท โครเกอร์ฯ เชนร้านซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ภายใน 20 ปีนับจากนี้ รถที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในสหรัฐฯ มากกว่า 30% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งต้องการสถานที่สำหรับการชาร์จไฟ นั่นหมายถึง การเปลี่ยนแปลงของใหญ่ของลานจอดรถ 

ปั๊มน้ำมัน-ค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับตัวแรง รับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

ในฐานะที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องขบคิดว่า จะปรับเปลี่ยนจุดจอดรถของลูกค้าอย่างไร ต้องติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่-อย่างไร เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องนี้  ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีหลายองค์ประกอบต้องพิจารณานอกเหนือไปจากเรื่องต้นทุนการติดตั้ง   

 

อีกความท้าทายสำคัญสำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน คือ เรื่องของพื้นที่ที่มีจำกัด งานวิจัยชี้ว่า  พื้นที่ในสหรัฐฯที่ประชาชนนิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นคือมลรัฐที่อยู่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกและตะวันออก ซึ่งเชนร้านซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่ในแถบนี้มีพื้นที่กะทัดรัด และราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ก็แพงมาก 

 

นอกจากนี้แล้ว ผู้ให้บริการในธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้ายังมีความท้าทายในแง่ของกฎระเบียบที่คุมเข้มเรื่องการใช้ประโยชน์พื้นที่และความปลอดภัยด้วย แดเนียล เซกัล รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไซมอน พร็อพเพอร์ตี กรุ๊ปฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านศูนย์การค้าในสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า มีพื้นที่ให้เช่าหลายแห่งที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวด ทำให้การติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในอาคารจอดรถหรือในลานจอดรถของศูนย์ เป็นเรื่องที่มีกฎระเบียบยุบยิบเพิ่มความยุ่งยาก 

 

สถิติของ สถาบัน Edison Electric Institute พบว่า ปัจจุบันมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศสหรัฐฯ จำนวนเกือบๆ 1.2 ล้านคัน (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562) และยอดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ก็เพิ่มขึ้นในอัตรา 81% ในปี 2561 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นที่คาดหมายว่า ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573) หรือในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 18.7 ล้านคัน เปิดโอกาสมหาศาลให้กับธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องที่จะมีขึ้นตามมา แล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นและปรับตัวได้ทัน

หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3525 ระหว่างวันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน 2562