ด่วน! “ธนาธร”ผิดถือหุ้นสื่อพ้นส.ส.ทันที

20 พ.ย. 2562 | 07:31 น.

 

 

ด่วน! มติศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย“ธนาธร”ผิดถือหุ้นสื่อ พ้นส.ส.ทันทีนับแต่วันที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. คือ 23 พ.ค.62

ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(3) ต้องพ้นจากการเป็นส.ส. นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน คือนับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.62 เนื่องจากถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. 

                                              ด่วน! “ธนาธร”ผิดถือหุ้นสื่อพ้นส.ส.ทันที                      


ศาลระบุว่า คำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 

ศาลระบุด้วยว่า การทำนิตยสารถือว่าเป็นการทำหนังสือสิ่งพิมพ์เหมือนกัน และไม่พบว่าไม่มีการจดแจ้งยกเลิกการพิมพ์ ดังนั้นจ ะอ้างว่าปิดกิจการและเลิกจ้าง แจ้งหยุดกิจการชั่วคราวไปแล้วไม่ได้ เพราะบริษัทวี-ลัคฯ จะกลับมาทำอีกเมื่อไรก็ได้ เท่ากับว่าบริษัท วี-ลัคฯ ทำสื่อมวลชนจนถึงวันที่นายธนาธร สมัครเลือกตั้ง


    ส่วนที่นายธนาธร โอนหุ้นให้แม่ก่อนวันที่ 8 ม.ค.จริงหรือไม่ ศาลชี้ว่า ไม่ปรากฎสำเนาการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น จึงผิดปกติ

   ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุตอนหนึ่งด้วยว่า นายธนาธร ผู้ถูกร้องพยายามชี้แจงให้เห็นว่าได้โอนหุ้นบริษัทดังกล่าว ให้มารดาไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ได้มีสำเนาไปยังแผนกทะเบียน กรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นปกติทุกครั้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาจากพยานหลักฐานของผู้ถูกร้องแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของผู้ถูกร้องไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 ให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาจริง จึงเป็นผลให้สมาชิกภาพ การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของผู้ถูกร้องต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2562 ตามที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่



 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายธนาธร มีความผิดถือหุ้นสื่อ อาจนำไปสู่ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 มาตรา 54 ที่สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม  

และ มาตรา 151 ที่ระบุไว้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งรู้ตัวว่า ไม่มีสิทธิแล้วยังสมัคร ต้องโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี โดย กกต.ต้องเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป