‘เทอร์มินัล 2’ เผือกร้อนในมือ ‘ศักดิ์สยาม’

21 พ.ย. 2562 | 04:25 น.

 

ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ในการประชุมของบอร์ด ทอท.” มีวาระพิจารณาแผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ เทอร์มินัล 2 วงเงินลงทุน 27,000 ล้านบาท กลายเป็นเผือกร้อนที่สังคมให้ความสนใจ โครงการร้อนในมือของศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจแห่งนี้โดยตรง

ในรายการ NEWSROOM ห้องข่าวเศรษฐกิจ ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.45-11.50 . ทางเนชั่นทีวีช่อง 22 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พาไปเกาะติดปมร้อนเรื่องนี้

โดยนายบากบั่น บุญเลิศ ผู้ดำเนินรายการ หยิบยกข้อสังเกตและความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ในครั้งนี้ว่า เป็นโครงการหนึ่งที่มีเสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วน เนื่องจากผิดไปจากแผนแม่บทของการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดิม และมีเสียงคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

 

โดยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในงานเสวนาวิชาการซึ่งจัดขึ้นโดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศ ไทยในพระบรมราชูปถัมภ์(วสท.) ในหัวข้อเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ... หายนะสุวรรณภูมิ?” ซึ่งได้ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยน สะท้อนความเห็น และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแผนงานของ  ทอท. ต่างเห็นพ้องกันว่า หากดำเนินการต่อไปจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาหลายเรื่อง ในขณะที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีหนังสือเชิญตัวแทนจากทอท.ให้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมแต่อย่างใด

 

‘เทอร์มินัล 2’ เผือกร้อนในมือ ‘ศักดิ์สยาม’

 

ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานให้เหตุผลของการคัดค้านโครงการฉบับตัดแปะนี้ว่า มี 4 ประการ คือ 1. สนามบินไม่มีความจุเพิ่มขึ้น เพราะทอท.ไม่สามารถก่อสร้างหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มเติม

 

2. ตัดแปะคับแคบ ทำให้เครื่องบินวิ่งเข้า-ออกหลุมจอดลำบาก 3. ผู้โดยสารต้องไปขึ้นเครื่องบินที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 อยู่ห่างออกไปประมาณ 2.2 กิโลเมตร ต้องใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับถึง 3 สาย และ 4. เกิดปัญหารถติดบนมอเตอร์เวย์ เสียค่าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ชั้นที่ 2 อีก 37,500 ล้านบาท

ด้าน ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ซึ่งได้หยิบยกข้อมูลจากรายงานการศึกษาเมื่อปี 2554 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ซึ่งใช้เวลาศึกษาเพียง 3 เดือนจึงมีเงื่อนไขและรายละเอียดที่จะทำการศึกษาอีกมาก ที่สำคัญรัฐบาลยุคนั้นก็มุ่งใช้สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีแผนดำเนินการโครงการเชื่อม 3 สนามบิน

โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 สภาพัฒน์ มีหนังสือทักท้วงถึง ปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ควรเร่งขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก และเตรียมโครงการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านตะวันตก ทั้งยังควรเร่งดำเนินการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ตามแผนแม่บททางทิศใต้ของเทอร์มินัล 1 บนฝั่งถนนบางนา ในหนังสือของสภาพัฒน์ ยังเน้นยํ้าเรื่องนี้ด้วยว่า แผนการสร้างสนามบินเทอร์มินัล 2 นั้นไม่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านการบินของประเทศ

อย่างไรก็ดี ในวันรุ่งขึ้น (15 พฤศจิกายน) นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ตั้งโต๊ะเปิดแถลงเรื่องนี้ พร้อมชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตจากเวทีข้างต้นใจความว่า

 

‘เทอร์มินัล 2’ เผือกร้อนในมือ ‘ศักดิ์สยาม’

 

ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็นและตอบข้อซักถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน รอบด้าน ประกอบการตัดสินใจในโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายทิศเหนือของท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ทอท.ได้ดำเนินการรวบรวมความคิดเห็น ข้อชี้แจง การซักถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ เน้นยํ้าว่า ไม่ใช่โครงการตัดแปะ, เป็นโครงการที่อยู่ในแผนแม่บท ถูกต้องตามหลักวิชาการและได้มาตรฐานระดับโลก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน ทั้งยังตบท้ายว่า ใครก็ตามที่ทำให้เสียหายจะใช้สิทธิทางกฎหมาย

ทั้งยังเน้นยํ้าด้วยว่าทอท.ขอยืนยันว่า ในอุตสาหกรรมทางการบิน จำเป็นต้องไม่ยึดติดกับแผนแม่บทที่อาจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยองค์การระหว่างประเทศแนะนำให้ต้องปรับปรุงแผนแม่บทให้ทันสมัยทุก 5 ปี เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานที่ เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการบินอย่างแท้จริง

ส่วนกรณีที่ ทอท.ไม่ ปฏิบัติตามแผนแม่บทเดิมนั้น นายนิตินัย ชี้แจงว่า ในการปฏิบัติตามแผนแม่บทจำเป็นต้องมีการปรับปรุงทุก 5 ปีตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากล ซึ่งที่ผ่านมา ทอท.ได้ดำเนินการปรับปรุงไปแล้วหลายๆ ด้าน

อย่างไรก็ตาม จากข้อเสนอเดิมให้ขยายอาคารที่ปลายทางฝั่งเทอร์มินัลตะวันออกและฝั่งตะวันตกนั้น จะยากมากสำหรับการดำเนินการ เมื่ออาคารยังถูกใช้งานเต็มขีดความสามารถ ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหา คือ ย้ายกระบวนการผู้โดยสารในประเทศไปยังบริเวณอื่นและปรับบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศแทน ซึ่งจะกระทบกับบริการน้อยมาก

 

‘เทอร์มินัล 2’ เผือกร้อนในมือ ‘ศักดิ์สยาม’

 

ทั้งยังยืนยันว่า การสร้างสนามบินส่วนต่อขยายทางทิศเหนือนั้น จะสามารถบรรเทาปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น การมีหลุมจอดด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นจุดที่มีการต่อขยาย แต่อากาศยานต้องไปขึ้นทางทิศตะวันตกซึ่งเดิมต้องนำรถบัสไปส่งผู้โดยสาร และเกิดการตัดของการจราจรทางด้านตะวันออก เมื่อมีส่วนต่อขยายทางทิศเหนือก็จะสามารถแก้ปัญหา ลดปัญหาเดิมกรณีที่จะต้องนำรถบัสไปส่งผู้โดยสารได้

 

“...แต่ผู้โดยสารก็ยังต้องขึ้นรถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องเหมือนเดิม ใช่หรือไม่นายบากบั่น ตั้งคำถาม พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า จากข้อมูลตามแผนงานเดิมของ ทอท.ที่จะขยายเทอร์มินัลทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกนั้น ระบุว่า ใช้วงเงินลงทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี ขณะที่ เทอร์มินัล 2 ฉบับตัดแปะนี้ใช้งบลงทุนกว่า 42,000 ล้านบาท แต่สามารถจุผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนเท่ากัน!!

อย่างไรก็ดี ผู้ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ไม่ใช่ผม อยู่ที่ บอร์ด ทอท. และผู้ที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้เข้าสู่การตัดสินใจของ ครม. ซึ่งก็คือ นายศักดิ์สยาม รมว.คมนาคม ผู้ดูแลกำกับในเรื่องนี้ครับนายบากบั่น ระบุ

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,524 วันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2562