ธปท.ปลื้มลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ช่วยลดภาระเงินกู้ 1.3 หมื่นล้าน

ธปท.เผยลดดอกเบี้ยอาร์พี 2 ครั้ง ช่วยลดต้นทุนรายย่อย-ภาคธุรกิจ 1.8 ล้านราย เม็ดเงินกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ระบุลูกหนี้กู้ซื้อบ้านลดภาระเฉลี่ยกว่า 6 พันบาทต่อราย ยัน แบงก์หั่นดอกเบี้ยออมทรัพย์ภาคธุรกิจ ลั่นไม่กระทบประชาชน 

นายธาริฑธ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ลง 2ครั้งที่ผ่านมา พบว่า ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ชั้นดี (MLR) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อยชั้นดี (MRR) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (MOR) ให้กับภาคธุรกิจต่อเนื่อง หากดูอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ชั้นดี (MLR) เฉลี่ย 14 ธนาคารอยู่ที่ 6.9% และอัตราดอกเบี้ยเงินสินเชื่อใหม่ (NLR) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.1% 

ทั้งนี้ หากดูจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยดังกล่าว พบว่า ช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการธุรกิจและรายย่อยมากกว่า 1.8 ล้านราย เป็นลูกหนี้ธุรกิจ 3.87 แสนราย ลูกหนี้ที่กู้ซื้อบ้าน 1.44 ล้านราย ซึ่งหากคิดเป็นประมาณการภาระดอกเบี้ยลดลงต่อปี พบว่า ช่วยลดภาระลูกค้าธุรกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 6,180 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 1.6 หมื่นบาท และลูกหนี้กู้ซื้อบ้านราว 6,890 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 6,000 บาท ช่วยลดภาระผู้กู้ได้เป็นรูปธรรม    

ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลอย่างไรต่อธนาคารพาณิชย์นั้น จะเห็นได้ว่า รายได้สถาบันการเงินที่หายไปจะมาจาก 2 ส่วน คือ รายได้ดอกเบี้ยจากตระกูล M ทั้งในส่วนของ MLR MRR และ MOR และการลงทุนในตลาดเงิน ซึ่งรายได้ส่วนหนี้จะหายไปทันทีที่ปรับดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ต้นทุนของธนาคารจะค่อยๆ ลดลงเช่นกัน จากเงินฝากประจำ ภายหลังจากธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ เพราะหากไม่ลดจะส่งผลต่อรายได้กำไรของธนาคาร 
ดังนั้น ธนาคารจะมีแรงกดดันบางส่วนให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในส่วนของภาคธุรกิจ เนื่องจากธนาคารยังต้องการดูแลประชาชนโดยไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ อย่างไรก็ดี การที่ธนาคารมีรายได้ที่ดลลงธนาคารอาจหันไปปล่อยสินเชื่อในพอร์ตที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น ตัวอย่างในตลาดต่างประเทศที่ปล่อยธุรกิจที่เสี่ยงขึ้น แต่ยังไม่เห็นในประเทศไทย

“ลดดอกเบี้ยทำให้คนได้ประโยชน์ ทั้งภาคธุรกิจและคนกู้ซื้อบ้านกว่า 1.8 ล้านราย แม้ว่าจะเห็นแบงก์ปรับดอกเบี้ยเงินฝากลง แต่ก็เป็นการปรับลงในส่วนของเงินฝากภาคธุรกิจ เราคงไม่ได้เห็นดอกเบี้ยออมทรัพย์เหลือ 0% เพราะแบงก์พยายามลดต้นทุนตัวเอง และปล่อยสินเชื่อในผลตอบแทนที่สูง ส่วนผู้ออม หากดอกเบี้ยลดลงมาระดับหนึ่งก็ยอมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น หากไปลงทุนในบอนด์ออมทรัพย์ของรัฐไม่เป็นไร แต่หากไปลงเสี่ยงกว่านี้ก็น่าห่วง ดังนั้นการลดดอกเบี้ยก็มีผลดีและผลเสีย”