ฮ่องกงดิ่งเหว ยกเลิกอื้อ กีฬา-คอนเสิร์ต-บิ๊กอีเวนต์ หนีม็อบ

16 พ.ย. 2562 | 10:08 น.

 

หลังจากที่มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลยืดเยื้อยาวนานมากว่า 5 เดือนและทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างที่ยังไม่มีแนวโน้มจะยุติ รัฐบาลฮ่องกงได้ออกแถลงการณ์แล้ววานนี้ (15 พ.ย.) ว่าเศรษฐกิจฮ่องกงได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของฮ่องกงปรับลดลงติดต่อกันมาเป็นไตรมาสที่สอง โดยในไตรมาส 3 ของปีนี้ (กรกฎาคม-กันยายน) จีดีพีของฮ่องกงหดตัวลงอีกในอัตรา 3.2%

เมื่อไหร่ความสงบสุขจะกลับคืนมา

นักวิเคราะห์เตือนว่าหากยังหาทางยุติการประท้วงที่รุนแรงและยืดเยื้อนี้ไม่ได้ ฮ่องกงที่เป็นศูนย์กลางการเงินและการค้าที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียก็จะต้องพบกับภาวะดำดิ่งทางเศรษฐกิจที่ยาวนานและถลำลึกในระดับที่รุนแรงกว่าเมื่อครั้งเหตุการณ์ในอดีต คือคราวที่เศรษฐกิจของฮ่องกงได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2551-2552 และการแพร่ระบาดของโรคซาร์สในปี 2546
 

ฮ่องกงดิ่งเหว ยกเลิกอื้อ กีฬา-คอนเสิร์ต-บิ๊กอีเวนต์ หนีม็อบ

แถลงการณ์ของรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า อุปสงค์ลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาส3 ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่สงบในบ้านเมืองซึ่งผลกระทบหนักต่อทุกๆกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคยังเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ดังนั้น รัฐบาลฮ่องกงจึงพิจารณาทบทวนและปรับตัวเลขความคาดหมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจตลอดทั้งปีนี้ว่า ภาพรวมของจีดีพีทั้งปี 2562 นี้น่าจะติดลบ 1.3% ซึ่งย่ำแย่กว่าเดิมที่คาดไว้ว่าอาจไม่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจหรืออย่างน้อยอาจเติบโตที่อัตรา 1%

 

ทั้งนี้ หากจีดีพีปี 2562 ของฮ่องกงติดลบตามคาด นั่นก็จะเป็นการถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งแรกของฮ่องกงในรอบ 10 ปี หรือนับจากปี 2552 เป็นต้นมา “การยุติความรุนแรงและสร้างความสงบเรียบร้อยในสังคมให้กลับคืนมาคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจของฮ่องกง รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและนำมาตรการที่จำเป็นมาใช้เพื่อปกป้องและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเอกชน” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ระบุ
 

ฮ่องกงดิ่งเหว ยกเลิกอื้อ กีฬา-คอนเสิร์ต-บิ๊กอีเวนต์ หนีม็อบ

การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนและยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้ท่ามกลางบริบททางการค้าที่คุกรุ่นของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา บรรยากาศการท่องเที่ยวของฮ่องกงถูกทำลายลง  การค้าปลีกทำยอดขายตกต่ำลงมากเป็นประวัติการณ์ โดยยอดขายรวมในธุรกิจค้าปลีกของฮ่องกงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทรุดตัวลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 นับเป็นการทรุดตัวมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากนั้นในเดือนกันยายนก็ยังคงลดลงต่อเนื่องที่อัตรา 18.3%  ส่วนดัชนีชี้วัดกิจกรรมของภาคธุรกิจเอกชนในเดือนตุลาคมถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 21 ปี

 

การจลาจลและการปิดกั้นถนน  การปิดให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะเป็นระยะๆ การปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮ่องกงลดลง 34% โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่เนื่องจากเกิดกระแสต่อต้านระหว่างกัน ไม่เพียงเท่านั้น แนวโน้มการยกเลิกจัดเทศกาลสำคัญๆ การประชุมสัมมนา  การแข่งขันกีฬา และการจัดคอนเสิร์ตในฮ่องกง ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการประกาศยกเลิกการจัดประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมสายการบินแห่งเอเชียแปซิฟิก (Association of Asia Pacific Airlines) ซึ่งสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก แอร์เวย์ส ร่วมเป็นเจ้าภาพ  ผู้จัดยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่ก็จำเป็นต้องประกาศยกเลิกการจัดงานด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เช่นเดียวกับการจัดขบวนพาเหรด Pride Parade ของเหล่าชาวเพศที่สาม ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขบวนพาเหรดจากย่านคอสเวย์เบย์ไปยังย่านเซ็นทรัลในวันเสาร์นี้ ก็ยังถูกยกเลิก และย่นย่อกิจกรรมเหลือเพียงการชุมนุมสังสรรค์

ฮ่องกงดิ่งเหว ยกเลิกอื้อ กีฬา-คอนเสิร์ต-บิ๊กอีเวนต์ หนีม็อบ

ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม มีการยกเลิกการจัดงานอีเวนต์ใหญ่ๆอีกหลายรายการ อาทิ เทศกาลพลุไฟประจำปีซึ่งเดิมกำหนดจัดวันที่  1 ตุลาคม การจัดรายการแข่งขันกอล์ฟของพีจีเอ การแข่งขันเทนนิส ฮ่องกง โอเพ่น การแสดงละครเพลงมาทิลดา รวมทั้งการแข่งขันรถแข่ง Formula E-Prix ที่มีกำหนดจัดขึ้นที่ฮ่องกงในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก็ยังถูกยกเลิก

 

แม้ว่าเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลฮ่องกงจะประกาศให้สิทธิประโยชน์จูงใจเพื่อช่วยส่งเสริมกิจกรรมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยรัฐจะมอบเงินอุดหนุนประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 12.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว แต่การยกเลิกการเดินทางและการยกเลิกจัดงานเทศกาลและอีเวนต์ต่างๆในฮ่องกง ก็ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวยังไม่เป็นไปในทิศทางบวกอย่างที่หลายฝ่ายมุ่งหวัง