จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน เจอฟ้องแน่

16 พ.ย. 2562 | 05:00 น.

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3523 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 17-20 พ.ย.2562 โดย... พรานบุญ

 

จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์
2.4 หมื่นล้าน
เจอฟ้องแน่!


     อภิมหากาพย์คดีค่าโง่โฮปเวลล์ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ให้กระทรวงคมนาคม รฟท.จ่ายเงินชดเชยให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ซึ่งตกประมาณ 12,900 ล้านบาท โดยยืดเวลาการจ่ายออกไปจนถึงเดือนธันวาคม 2562 กำลังกลายเป็นของร้อนในมือของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม

     นังเก้ง น้องกวาง นังบ่าง นังชะนี รวมไปถึง เสือ สิงห์ กระทิง แรด ต่างวิ่งแตกกระเจิง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เมื่อเกิดปรากฏการณ์สึนามิใหญ่ 2-3 ลูกพร้อมๆ กัน

     สึนามิลูกแรกเกิดขึ้นในตอนเช้า 09.00 น. ภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ ตัวแทนเครือข่ายทนายความและประชาชน ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง เป็นโต้โผ ในการตั้งเรื่องต่อสู้คดีในเรื่องค่าโง่โฮปเวลล์

     ทนายภิมะร้องว่า ให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปยื่นคำร้องของดการบังคับคดีต่อศาลปกครองสูงสุด ในกรณีที่กระทรวงคมนาคมต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ไว้ก่อน เพื่อให้รัฐยังไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายในโครงการนี้ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่กำหนดเส้นตายวันที่ 19 ตุลาคม 2562 และหากยืดเวลาในการจ่ายออกไปถึงสิ้นธันวาคม 2562 จะต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 2.4 ล้านบาท

     เพราะพบว่าสัญญาระหว่างรัฐบาลและบริษัทโฮปเวลล์ฯ มีลักษณะเป็นโมฆะหลายส่วน เช่น มติ ครม.ได้กำหนดว่าข้อสัญญาที่มีผลใช้บังคับการทำสัญญาสัมปทานระหว่างกระทรวงคมนาคม กับ บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด (Hong Kong) เท่านั้น มิใช่ให้ลงนามกับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และให้บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด (Hong Kong) ถือหุ้นอย่างน้อย 30% แต่บริษัทได้แปรสภาพของการถือหุ้นไปมากกว่ามติ
 

     จากการสืบค้นพบข้อมูลว่า การจัดตั้งบริษัท โฮปเวลล์(ประเทศไทย) จำกัด ไม่ชอบโดยกฎหมายมีการอนุญาตให้บริษัทซึ่งถือหุ้นข้างมากโดยบุคคลหรือนิติบุคคลต่างด้าว เข้ามาประกอบกิจการทางรถไฟยกระดับอันเป็นกิจการขนส่งทางบก ที่ห้ามมิให้คนต่างด้าวหรือนิติบุคคลต่างด้าวประกอบกิจการในประเทศไทย...อ้าว

     เรียกว่า เป็นการโยนของร้อนออกจากมือกระทรวงคมนาคม มาใส่มือรัฐบาลลุงตู่ เต็มๆ

     สึนามิลูกที่ 2 เกิดขึ้นที่กระทรวงคมนาคม อ้ายเสือ อ้ายสิงห์ที่ว่าแน่ เผ่นแน่บแตกกระเจิงทั้งกระทรวงหูกวาง เมื่อ “รัฐมนตรีโอ๋-ศักดิ์สยาม” เรียกประชุมคณะทำงานคดีโฮปเวลล์ ชุดที่มี พิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการ สนข. ฯลฯ ที่ไปเจรจาค่าโง่กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ แว่วมาว่า มี “ทนายนกเขา-นิติธร ลํ้าเหลือ” ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ซึ่งถือว่าเป็นทนายมือดีผู้ชนะคดีคลองด่านมาร่วมประชุมด้วย

     อ้ายเสือ อ้ายสิงห์บอกพรานฯ มาว่า พอคณะทำงานชี้แจงว่า ในการเจรจานั้นทางโฮปเวลล์เสนอว่า ระหว่างเจรจาห้ามกระทรวงคมนาคม การรถไฟฯ ฟ้องคดีใดๆ ทั้งสิ้น การร้องขอให้ไม่คิดดอกเบี้ยทำไม่ได้ ขอลดลง 1% ก็ไม่ได้ ขอลดลงเหลือ 20% ก็ไม่ได้ ทางโฮปเวลล์ขอให้จ่ายยกก้อนทั้งต้นทั้งดอก

     ร้ายไปกว่านั้น โฮปเวลล์ขอให้กระทรวงคมนาคมจ่ายเงินค่าโง่ตามคำสั่งศาลไปยังบัญชีนอกประเทศ....เพียงเท่านั้นระเบิดลง...บึ้มๆ

     “เลิกๆ”...เจรจาได้อย่างไร ไปทำงานแบบนี้ ถ้าตกลงกันแบบนี้ตายๆ

     นังบ่างบอกว่า ทนายนกเขาถึงกับควันออกหู...ขู่ฟ่อว่า เรื่องค่าโง่โฮปเวลล์ถ้าใครหน้าไหน ทั้งในกระทรวงคมนาคม ในการรถไฟฯ ในคณะรัฐมนตรี ยอมไปจ่ายค่าโง่ 2.4 หมื่นล้านบาท พ่อนกเขาคนนี้แหละจะฟ้องให้หมด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม...สมเป็นนักรบศรีวิชัยจริงๆ พ่อนกเขา

     นังชะนีบอกว่า พอหันไปดูหน้า “รัฐมนตรีโอ๋” เท่านั้น รังสีอำมหิตขึ้น...เพราะเป็นคนสั่งให้เดินหน้าสู้คดีค่าโง่อย่างเต็มที่แต่ทีมทำได้แค่นี้ ...เห็นทีหัวหน้าทีมเจรจา...ต้องหนาว!

     สึนามิลูกที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงค่ำๆ พรายมากระซิบพรานฯว่า “ลุงตู่” ต่อสายตะแล็ปแก็ปไปหานายพลเรือเอกคนหนึ่ง ที่สนิทกับทนายนกเขา เพื่อขอให้ช่วยประสานงานเอาข้อมูลของ “ทนายนกเขา” ที่เห็นว่าคดีนี้ต้องสู้ให้ถึงที่สุด มาพิจารณาดู เพื่อนำไปเทียบเคียงกับ “ทนายนกเรา” ที่พยายามหักล้างคัดค้าน และดึงเช็งเพื่อให้รัฐเจรจายอมจ่ายค่าโง่มาตลอด

     จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปเชียวนาพี่น้องไทย...นังชะนีไปสืบรู้มาว่า “ทนายนกเรา” คนนี้แหละที่ไปชี้โพรงให้ “เศรษฐีไทยคนหนึ่ง” ไปซื้อหุ้นบริษัทร้างไม่มีการทำธุรกรรมมาจากกอร์ดอน วู เศรษฐีฮ่องกง

     รู้ไหมว่าซื้อหามาราคาเท่าใด...จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป พรานฯจะบอกให้ เขากับพวกไปซื้อโฮปเวลล์มาแค่ 500-600 ล้านบาท แต่คำสั่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้จ่ายเงินต้น 11,888 ล้านบาท ดอกเบี้ยอีกรวม 12,900 ล้านบาท กำไรง้ามงาม บานตะไท

     งานนี้ “ทนายนกเรา” อาจหมดราคา มีสิทธิแพ้พ่ายภัยตัวเอง ช่างระทึกฤทัยเสียนี่กระไร...พี่น้องเอ๋ย!