35 ปีที่รอคอย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส สัมพันธภาพ & สันติภาพ

17 พ.ย. 2562 | 08:50 น.

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ทรงเป็นพระสันตะปาปา ลำดับที่ 266  พระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2479 ที่กรุงบูเอโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมี จากมหาวิทยาลัยบูเอโนสไอเรส และประกาศนียบัตรสาขาวิชาปรัชญา จาก Colegio Mximo San Jos ทรงเป็นอาจารย์วิชาวรรณกรรมและจิตวิทยาที่ Colegio de la Inmaculada และ Colegio del Salvador ทรงศึกษาวิชาเทววิทยา (theology) และถวายพระองค์เป็นนักบวชบาทหลวงในคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยสุอิต) จากนั้น ทรงดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ทางเทววิทยา โดยทรงสอนที่มหาวิทยาลัย Facultades de Filosofa y Teologa de San Miguel  

พระองค์ทรงได้รับแต่งตั้งจากนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ให้ดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งเขตศาสนปกครองกรุงบูเอโนสไอเรส  ต่อมาได้รับการสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระคาร์ดินัล เมื่อปี 2544 ทรงดำรงชีวิตแบบสมถะ ทรงประทับอยู่ในห้องชุดเรียบง่าย ทำอาหารด้วยพระองค์เอง ชาวบูเอโนสไอเรส รู้จักพระองค์ในนามของ “คุณพ่อฮอร์เก” ทรงได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาสืบแทนนักบุญเปโตร หรือเซนต์ปีเตอร์ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 ทรงเลือกใช้พระนามว่า “Franciscus” ในภาษาละติน หรือ “Francis” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมาจากนามของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชฟรังซิสกัน ผู้ถือความยากจน สนใจและเอาใจใส่ผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมสันติภาพ และรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

 

ถามว่าตื่นเต้นหรือไม่..แน่นอนว่าเมื่อประเทศไทยมีอาคันตุกะที่มีความสำคัญมาเยือน ย่อมยินดีปลาบปลื้มไปด้วย...ปี 2562 นี้ คนไทยเรามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ต้องยินดีไปกับคริสตชนคาทอลิกไทยจะได้มีโอกาสรับเสด็จ “สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส” สู่ราชอาณาจักรไทย ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายนนี้ การเสด็จครั้งนี้เป็นการเสด็จเยือนตามคำเชิญของรัฐบาลไทย และสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ซึ่งสำหรับพระองค์แล้วนี่คือการจาริกเพื่อสันติภาพ

หากจะย้อนไปในอดีตเชื่อหรือไม่ว่าคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เข้ามาในไทยมากกว่า 500 ปี เพราะมีหลักฐานว่ามิสชันนารีคณะโดมินิกัน ได้เข้าไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1511 ก่อนที่คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกจะก่อร่างมั่นคง โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่ 9 ทรงสถาปนา “มิสซังสยาม” หรือ Apostolic Vicariate of Siam เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1669 (พ.ศ. 2212) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนจักรคาทอลิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากเผยแพร่ศาสนาแล้ว มิสชันนารีและคริสตชนคาทอลิกได้นำวิทยาการจากตะวันตก มาช่วยพัฒนาประเทศไทยในด้านต่างๆ อีกด้วย

พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนไทย

การเสด็จครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองครบ 350 ปี แห่งการสถาปนามิสซังสยาม (ค.ศ.1669-2019) แล้ว ยังเป็น 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน (ค.ศ.1969-2019) เสด็จเพื่อทรงร่วมยินดีในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทั้งควบคู่กับโอกาสครบ 35 ปีของพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ (ค.ศ.1984) แล้วหลังจากนั้นไม่มีพระองค์ไหนเสด็จอีกเลย

วันนี้การเตรียมความพร้อมทุกสิ่งพร้อมแล้ว ..ตั้งแต่ระบบความปลอดภัยตั้งแต่สนามบินสู่สถานที่ที่เสด็จ รถรับเสด็จรถที่ประทับเป็นรถกระบะนิสสัน นาวาร่า NP300 ยกสูงสีขาวดัดแปลงมีเก้าอี้สีขาวตั้งอยู่ตรงกลาง พื้นรถปูด้วยพรมแดง เรียบหรู ติดตั้งโครงเหล็กเป็นเสาหลังคาและที่จับยึดรอบกระบะ มีกระจกแก้วใสด้านบน ส่วนด้านท้ายมีบันได 4 ขั้น ใช้ป้ายทะเบียน SCV1 ที่หมายถึงการเป็นนครรัฐวาติกันตามภาษาลาติน และไม่มีการติดตั้งกระจกกันกระสุน

35 ปีที่รอคอย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส สัมพันธภาพ & สันติภาพ

ทางด้านศิลปินไทย...ทั้งศิลปินดารา นักร้อง บาทหลวงจนถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนจากโรงเรียนคาทอลิกจะร่วมกันถ่ายทอดบทเพลง“ให้รักเป็นสะพาน” ที่จะใช้ตลอดงาน โดยเนื้อหาที่กล่าวถึงการมอบความรักให้เป็นสะพานเชื่อมโยงสู่กัน เพื่อทำให้โลกนี้มีสันติสุขแต่งโดยชวัลวิทย์ ยิ่งยศเสนี กับแมนลักษณ์ ทุมกานนท์ หรือโซ่ วง ETC โปรดิวเซอร์และเรียบเรียงการผลิต ควบคุมการผลิตโดยบาทหลวงอนุชา ไชยเดช ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย  

รถพระที่นั่ง

ส่วนการต้อนรับในแต่ละสถานที่ คงคราคร่ำไปด้วยเหล่าคริสตชนคาทอลิก ที่ตามเสด็จกันอย่างล้นหลาม จนที่นั่งในสนามศุภชลาศัยถูกจองเต็มไปแล้ว และเป้าหมายการเสด็จครั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปามีหมายกำหนดการเสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ทรงพบนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล ข้าราชการคณะทูตานุทูต และทรงปราศรัยภายในตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เสด็จโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ประทานโอวาทแก่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลคาทอลิก 4 โรงพยาบาล เสด็จอวยพรผู้ป่วยผู้สูงอายุ ภายในอาคารร้อยปีบารมีบุญ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เสด็จทำพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือพิธีมิสซา โดยสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์ ณ สนามศุภชลาศัย

ทั้งจะทรงพบกับคณะบาทหลวง นักบวช นักพรต สามเณร ผู้ฝึกหัด ครูคำสอน และทรงปราศรัย ภายในวัดคาทอลิกนักบุญเปโตร อ.สามพราน จ.นครปฐม ทรงพบบรรดาบิชอปของไทยและบิชอปของสหพันธ์สภาบิชอปแห่งเอเชีย (FABC) และทรงปราศรัย ณ สักการสถานบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง

35 ปีที่รอคอย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส สัมพันธภาพ & สันติภาพ

ทรงพบคณะนักบวชเยสุอิตในประเทศไทยภายในห้องด้านหลังสักการสถานบุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ทรงพบผู้นำคริสตชนนิกายต่างๆ ผู้นับถือศาสนาอื่นๆ ในประเทศไทย บรรดาผู้นำสถาบันการศึกษา คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา พร้อมทั้งทรงปราศรัย ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และเสด็จทำพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน โดยสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์ ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก ก่อนที่วันเสาร์ 23 พฤศจิกายนจะเสด็จสู่กรุงโตเกียว

 

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,523 วันที่ 17 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

35 ปีที่รอคอย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส สัมพันธภาพ & สันติภาพ