คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดดอกเบี้ยลง 0.25% ตามธนาคารกลางสหรัฐฯที่ลดดอกเบี้ยไปก่อนหน้า และเป็นการลดครั้งที่ 3 ของปี จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกจะเป็นขาลง ซึ่งจะส่งผลดีและผลเสียต่อสินทรัพย์การลงทุนที่แตกต่างกัน เราจึงต้องเลือกลงทุนให้ถูกที่ ถูกเวลา
ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P500 สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยเช่นกัน เพราะจากสถิติของ SET Index เดือนพฤศจิกายน 10 ปีย้อนหลังมีเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นที่ดัชนีติดลบ ประกอบกับตลาดจะมองถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า ซึ่งช่วงนี้เป็นการประกาศงบการเงินไตรมาส 3 อีกด้วย
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ตํ่า อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับตํ่าและเป็นแนวโน้มขาลง เห็นได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ราคาปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า 20% แทบทั้งสิ้นและกอง REIT ที่ออกใหม่หลังจากนี้ จึงถือเป็นสินทรัพย์ที่ควรศึกษาในการลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่สร้างกระแสเงินสดได้อย่างดี จะคาดหวังผลตอบแทนได้ในระดับดีด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ดอกเบี้ยขาลงจะกระทบกับธุรกิจแบงก์ทั่วโลกเช่นกัน และโดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมปัจจุบัน ถือว่า ธุรกิจในกลุ่มธนาคารน่าห่วงที่สุด ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่หมายถึงธุรกิจธนาคารทั่วโลก ที่ได้รับจากผลกระทบดอกเบี้ยติดลบ จึงทำให้รายได้ของกลุ่มธนาคารลดลง
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องก็คือ การที่ธนาคารเองต้องหาแหล่งลงทุนเพื่อทำให้เงินงอกเงยและมีผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน จนอาจทำให้ต้องนำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น High Yield Bond หรือ Corporate Debt ที่อาจจะมีความเสี่ยง เพราะดอกเบี้ยขาลงมีทั้งดีและเสีย ต้องจัดการกับพอร์ตลงทุนให้ดี
หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,523 วันที่ 17 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562