โบรกแนะเลี่ยงหุ้น STEC

14 พ.ย. 2562 | 07:37 น.

บล.เอเซียพลัสแนะนำนักลงทุนรับความเสี่ยงระดับต่ำ หลีกเลี่ยงซื้อหุ้น STEC แม้ไม่กระทบการดำเนินงาน 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช) ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ 4 ราย กรณีร่วมกันรับเงิน 20 ล้านบาท จากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น MHPS เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ใช้ท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้าขนอม ตลอดจนใช้เรือลำเลียงเข้าเทียบท่าเพื่อขนถ่านชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยไม่ชอบ สำหรับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม และชี้มูลความผิดบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของ STEC อีก 2 ราย ในฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด 

โบรกแนะเลี่ยงหุ้น STEC

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งรายงานสำนวนการไต่ส่วนและเอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลต่อไป ส่งผลให้หุ้น STEC มีราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่า 19.55% ท่ามกลางความกังวลว่าบริษัทอาจถูกขึ้น Blacklist จากหน่วยงานภาครัฐในการเข้าประมูลงานในอนาคต รวมไปถึงคุณสมบัติของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่อาจเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามเรื่องการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนกฏหมาย 
 

อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด ขณะที่เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัชชั่นออกมาให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่าการที่บริษัทเอกชนถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช ไม่มีผลต่อการถูกขึ้นบัญชีดำตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ 2562 

ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวยังไม่กระทบต่อผลดำเนินงานของ STEC ที่ปัจจุบันมี Backlog สูงถึง 9 หมื่นล้านบาท เพียงพอรองรับรายได้ถึงปี 2565 และมีฐานะการเงินมั่นคงโดยมีเงินสดในมือบวกกับเงินลงทุน ณ สิ้น 2Q62 มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ความไม่ชัดเจนจากคดีความดังกล่าวน่าจะกดดันราคาหุ้นไปอีกระยะ

ฝ่ายวิจัยแนะนำให้นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำหลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อน ส่วนนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ อาจหาจังหวะเข้าซื้อเก็งกำไร โดยประเมินราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 25.00 บาท