อีก 2 สัปดาห์ได้ข้อสรุป LTF

14 พ.ย. 2562 | 07:29 น.

รมว.คลัง คาดได้ข้อสรุป LTF ใน 2 สัปดาห์ ระบุต้องศึกษารอบคอบ พร้อมรับเศรษฐกิจยังผันผวน พร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนใหม่ แทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดกองทุนใหม่ ที่จะทดแทน LTF ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยกองทุนใหม่จะต้องเน้นการส่งเสริมการออมในระยะยาว 

อีก 2 สัปดาห์ได้ข้อสรุป LTF

“เป้าหมายของกองทุนใหม่ จะต้องเน้นการส่งเสริมการออมระยะยาว และเข้าถึงประชาชนในทุกกลุ่มทั้ง ตอบโจทย์ทุกการออมทั้ง ผู้สูงวัย และวัยทำงาน และพยายามให้ตอบโจทย์ตลาดทุนมากที่สุด ส่วนเงื่อนไขต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ยังมีเวลาเหหลือที่จะดูในรายละเอียดให้รอบคอบ รัดกุมที่สุด”นายอุตตม กล่าว 

ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น ยอมรับว่า มีความผันผวนและไม่แน่นอนสูง รวมถึงยังมีความท้าทาย ดังนั้นที่ผ่านมา รัฐบาลจึงจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อประคองเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เศรษฐกิจในอนาคตจะดีหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเตรียมพร้อม และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ได้ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจใกล้ชิดมาโดยตลอด และหากมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติม จะพิจารณาถึงความเหมาะสมและสถานการณ์ว่าจะสามารถตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าวได้หรือไม่ 

“ที่ผ่านมามันจำเป็นที่ที่จะต้องออกมาตรการ แต่ไม่ใช่มาตรการนี้จะอยู่ตลอดเราทำเท่าที่จำเป็น และในอนาคตหากมีความเสี่ยงและผันผวนมากจนกระทบภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ สามารถที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม”นายอุตตม กล่าว 

อีก 2 สัปดาห์ได้ข้อสรุป LTF

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังต้องการเห็นตลาดทุนไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดการระดมทุนอย่างมีคุณภาพ โดยกระทรวงการคลังจะใช้เครือข่ายคลังจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงให้ความรู้ด้านการออมและการลงทุนอย่างถูกต้องให้กับประชาชน 

พร้อมทั้งต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เชื่อมโยงกับตลาดทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV เพื่อพัฒนาตลาดทุนให้มีความแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต เพราะในอีก 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลมีแผนลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 3.1 ล้านล้านบาท 

ขณะเดียวกัน ยังต้องการเห็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย (CMDF) เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะเรียกตลท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธปท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในนัดแรก เพื่อระดมความคิดในการร่วมกันพัฒนาตลาดทุนในอนาคต เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลาง การค้า การลงทุน

อีก 2 สัปดาห์ได้ข้อสรุป LTF