ยื่น2วิธีสู้ค่าโง่โฮปเวลล์ แนะ “บิ๊กตู่” ดึงเรื่องพ้นคมนาคมมาลุยเอง

วันที่ 14 พ.ย. 62 เมื่อเวลา 09.00 น. นายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ เครือข่ายทนายความและประชาชน พร้อมทีมทนายความรวม 3 คน เข้ายื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล1111 ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านนายสมพาศ นิลพันธุ์ ที่ปรึกษาปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ขอให้พิจารณาดําเนินการทางคดีโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพมหานครโดยได้รับสัมปทานเดินรถระบบรถไฟชุมชน (Community Train) และ ทางด่วนยกระดับสําหรับรถยนต์ หรือ โฮปเวลล์

นายภิมะ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือรัฐบาล เพราะข้อเท็จจริงในการเริ่มต้นโครงการทราบว่าเป็นโครงการของรัฐบาลที่ให้กระทรวงคมนาคมลงนามแทนรัฐบาล ฉะนั้นความรับผิดชอบจึงอยู่ที่รัฐบาล และตรวจสอบพบว่าในส่วนการทำสัญญาเริ่มแรกมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามมติครม. มีการฝ่าฝืนกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ส่งผลให้สัญญาที่ทำขณะนั้นเป็นโมฆะ เหตุผลนี้สามารถที่จะดำเนินคดีและไม่จ่ายค่าโง่ได้ ซึ่งได้ส่งรายละเอียดในเอกสารแนบด้วย

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้รมว.คมนาคมให้ไปยื่นที่ศาลปกครองแล้วทำไมยังไม่ยื่น ทำไมถึงต้องกลับมายื่นวันนี้ก่อน นายภิมะ กล่าวว่า ตอนนั้นจะยื่นแต่ติดปัญหาว่ามีข้อสั่งการจากรัฐบาลว่าเรื่องนี้ต้องมีการศึกษา ให้พูดคุยกับทางโฮปเวลล์ แต่เราประเมินแล้วว่ามันไม่ได้ส่งผลหรือเสียอะไรก็เลยชะลอไว้ก่อนแต่ไมได้หยุด เพื่อรับฟังข้อมูลรอบด้าน

เมื่อถามว่ายังยืนยันว่าครม.ขณะนั้นต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภิมะ กล่าวว่า จริงๆแล้วเป็นโครงการของรัฐบาลเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ส่วนที่มายื่นหนังสือเพราะกังวลว่าขั้นตอนของการแก้ไขปัญหาค่าโง่ตรงนี้ ถ้าดำเนินการโดยกระทรวงจะไม่สะดวกเท่ากับการดำเนินการโดยรัฐบาลเอง ซึงรัฐบาลมีอำนาจเด็ดขาดไม่ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ

“ที่มายื่นหนังสือวันนี้เป็นเรื่องของสัญญาที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นโมฆะจาก 2 ประการใหญ่ๆตามที่บอกคือ มติครม.มีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่างๆออกมาแต่ไม่ปฏิบัติตาม มีการฝ่าฝืนกฎหมายที่ใช้บังคับกับคนต่างด้าวในขณะนั้นซึ่งถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวถือว่าเป็นโมฆะ ส่วนค่าเสียหายเป็นรายละเอียดปลีกย่อยทางเราก็มีข้อมูลว่าไม่ถูกต้องในการกำหนดค่าเสียหาย ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบพบมีหลายส่วน บางส่วนสมเหตุผลสมผล แต่บางส่วนไม่มีหลักฐานอะไรที่ทำไมถึงต้องไปจ่ายจำนวนเท่านั้น ส่วนแนวทางในการต่อสู้ต่อไปในฐานะที่เป็นประชาชนพบเห็นข้อเท็จจริงแล้วก็อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้สัมฤทธิ์ผล เพราะว่าเป็นเรื่องของประเทศ”นายภิมะ กล่าวและว่า ดังนั้นหนังสือที่ยื่นถึงนายกมีรายละเอียดว่ามีการไม่ปฏิบัติตามมติครม.อย่างไรบ้าง ในเรื่องของการฝ่าฝืนกฎหมายที่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ

เมื่อถามว่าถ้าเป็นการสู้โดยกระทรวงคมนาคมจะเป็นอย่างไร นายภิมะ กล่าวว่า มองว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ถ้าทำโดยกระทรวงก็ต้องเสนอมาที่รัฐบาลอยู่ดี ฉะนั้นรัฐบาลในเมื่อเป็นผู้รับผิดชอบก็จะต้องดูแลเป็นเจ้าภาพไม่ควรให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ  ส่วนรูปแบบการสู้คดีจะต้องเป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานนั้น คิดว่าเป็นรูปแบบใดก็ได้ แต่ข้อกังวลคือทราบจากข่าวว่ารัฐบาลมีข้อสั่งการไปยังกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการพิจารณาการปฏิบัติตามคำพิพากษา ซึ่งแนวโน้มเป็นการใช้หนี้ 

“ถ้าจะจ่ายรัฐบาลจะต้องตัดสินใจเอง ไม่ควรใช้กระทรวงคมนาคมหรือคณะทำงานของกระทรวงคมนาคม สิ่งที่ผมขอมาในหนังสือคือขอให้ดำเนินการยื่นคำร้องของดการบังคับคดีที่ยังไม่ต้องจ่ายค่าโง่ 2.4 หมื่นล้านบาท ถ้ารัฐบาลดำเนินการตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ก็ชัดเจนว่าจะไม่มีการจ่าย ดังนั้นที่กังวลคือข้อสั่งการที่ให้คณะทำงานกระทรวงคมนาคมดำเนินการแค่นั้นเอง” 

เมื่อถามว่าระดับไหนที่จะต้องมาเป็นหัวในการสู้ นายภิมะ กล่าวว่า ใครก็ได้แต่ขอให้ต้องสู้ เมื่อปรากฏหลักฐานข้อเท็จจริงแล้วว่าไม่ต้องจ่าย