ซีอีโอใหม่ GC ประกาศ 'สานต่อ ต่อยอด' Circular Economy

08 พ.ย. 2562 | 11:06 น.

ซีอีโอใหม่ GC ประกาศชัด 'สานต่อ ต่อยอด' ทุกภารกิจ พร้อมเดินหน้า สเต็ปอัพ การเติบโตอย่างยั่งยืน พุ่งเป้าCircular Economy และการลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก ตั้งเป้า 10 ปี ต้องลดลง 20% 

 

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ประกาศยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน ในการแถลงวิสัยทัศน์ล่าสุด ว่า หนึ่งใน 3 กลยุทธ์การดำเนินงานของ GC นับจากนี้คือStep Up ซึ่งเป็นการยกระดับความยั่งยืน ให้เข้ามาอยู่ทุกระดับขององค์กร ทุกอย่างจะมีความขัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถวัดผลได้ โดยจะมุ่งเป้าไปที่ เรื่องของ Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน และการลดก๊าซเรือนกระจก 

ซีอีโอใหม่ GC ประกาศ 'สานต่อ ต่อยอด' Circular Economy

สิ่งที่ GC มุ่งเน้นเพื่อสร้างความยั่งยืน 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 2. การนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ ซึ่งครอบคลุมใน 3 ส่วนหลักได้แก่

• Smart Operating: สร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

• Responsible Caring: เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความยั่งยืน ไม่ผลิตสิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และต้องพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ผลิตออกไป จะต้องปล่อยของเสียน้อยที่สุด

ซีอีโอใหม่ GC ประกาศ 'สานต่อ ต่อยอด' Circular Economy

• Loop Connecting: เพิ่มพลังความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจร โดยขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจรในโครงการ Upcycling Plastic Waste อาทิ โครงการ PPP วัดจากแดง (OUR Khung BangKachao) Think Cycle Bank เป็นต้น

GC มุ่งมั่นในการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) จากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ใน 10 ปีข้างหน้า (ปี 2573) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาภาวะโลกร้อน สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย และยังตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 52% ภายในปี2593 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของโลกในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส

ผลิตภัณฑ์ที่ GC ดำเนินการผลิต ได้รับการรับรองเครื่องหมาย Carbon Footprint และ Carbon Footprint Reduction จาก องค์การก๊าซเรือนกระจก (TGO) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้ง GC มีการวางเป้าหมายที่จะมีผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Chemicals) เพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2573 และยกเลิกการผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งใน 5 ปีข้างหน้าต่อไป นอกจากนี้ GC ยังได้รับการจัดอันดับเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ DJSI ปี 2019 โดยได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วย Percentile 100 และอยู่ในระดับ Top 10 ของ DJSI World และ Emerging Markets ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ (Chemical Sector) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7

ซีอีโอใหม่ GC ประกาศ 'สานต่อ ต่อยอด' Circular Economy

ส่วนอีก 2 กลยุทธ์การดำเนินงานของ GC คือ Step Change: สานต่อสร้างบ้านให้แข็งแรง GC Group ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้วยการสานต่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับฐานการผลิตปัจจุบันของบริษัทฯ ที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่ม Plant Reliability ให้อยู่ในระดับ 1st Quartile และ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำและ High Value Business รวมถึงการขยายตลาดในภูมิภาค South East Asia

Step Out: การหาฐานธุรกิจแห่งที่ 2 (Second Home Base) ซึ่งมีศักยภาพในการแข่งขันด้านวัตถุดิบหรือการเติบโตของตลาด อาทิ โครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพความเป็นต่อด้านวัตถุดิบ(Feedstock) ต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย Mergers and Acquisitions (M&A) สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด

GC มีการลงทุนเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงการหลักมูลค่าการลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท

โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) เป็นการขยายกำลังการผลิตผ่านการลงทุนใน Naphtha Cracker เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบที่บริษัทฯ มีอยู่แล้ว ต่อยอดธุรกิจปลายน้ำในอนาคตด้วยกำลังการผลิตเอทิลีน 500,000 ตันและ โพรพิลีน 250,000 ตัน อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว ประมาณ 73% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563 มูลค่าโครงการประมาณ 36,000 ล้านบาท

โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide :PO) และ โครงการโพลีออลส์ (Polyols) เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์(PO) 200,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ (Polyols) 130,000 ตันต่อปี มีมูลค่าโครงการประมาณ 34,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการเป็นต่อยอดผลิตภัณฑ์โพรพิลีนไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทางสายโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ High Value Business ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการ PO คืบหน้าไปแล้ว 79% และโครงการโพลีออลส์ คืบหน้าไปแล้ว 77% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563

ซีอีโอใหม่ GC ประกาศ 'สานต่อ ต่อยอด' Circular Economy

โครงการร่วมลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงใน 2 โครงการได้แก่ PA9T 13,000 ตัน/ปี และ HSBC 16,000 ตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเกรดพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (KGC) มูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท

โครงการพลาสติกรีไซเคิล เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางด้าน Circular Economy ของ GC โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว มาเป็นวัตถุดิบในกระบวนการ Recycle ได้เม็ดพลาสติกคุณภาพสูงระดับ Food-Grade และ Packaging-Grade

• ร่วมมือกับพันธมิตร แอลพลา (ALPLA) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงระดับโลก ปฏิวัติการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

• จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด (ENVICCO Limited) ที่นิคมเอเชีย มาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกหมุนเวียนคุณภาพสูง ชนิด rPET ขนาด 30,000 ตันต่อปี และ rHDPE ขนาด 15,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2564 มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

โครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความได้เปรียบในด้านความสามารถในการแข่งขันทางด้านวัตถุดิบ นั้นคือมีแหล่งวัตถุดิบ Ethane ซึ่งมีต้นทุนที่มีความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งปี 2563 จะได้ผลสรุปเพื่อตัดสินใจในการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ GC อยู่ในระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการเช่น เงื่อนไขสัญญาการก่อสร้างโครงการ และการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการ เป้าหมายเพื่อเป็น Second Home Base ของบริษัทฯ