บอกกล่าวกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า เมื่อมีโอกาสจะพาเที่ยวจังหวัดตาก...อารมณ์ที่ปลื้มปริ่มกับธรรมชาติของเมืองนี้มันยวนใจจริงๆ จังหวัดนี้ขอบอกว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ที่เที่ยวมากมายหลายบรรยากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดู ธรรมชาติก็ผันแปรให้สวยงามแตกต่างกันไป ซึ่งจังหวัดนี้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ จะอยู่ใน 3 อำเภอ คืออำเภออุ้มผาง อำเภอพบพระ และอำเภอแม่สอด
การเดินทางอยากแนะนำลองใช้ทางหลวง 105 เส้นทางในฝัน “แม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง-สบเมย-แม่สะเรียง” เป็นเส้นทาง ที่น่าหลงใหล เป็นเส้นทางระหว่าง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปสิ้นสุดที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เลียบชายแดน ไทย-เมียนมา ขึ้นเขา ลงเขา จะได้พบกับวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่งดงาม สดชื่นไปด้วยแมกไม้เขียวในบรรยากาศสบายตา เห็นวิถีชีวิตชาวไทยภูเขาเป็นระยะๆ มีนํ้าตกข้างทาง หมู่ต้นไม้โค้งคลุมถนนสวยงามตามธรรมชาติ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะลำบากเพราะมีแหล่งแวะพักขา เข้าห้องนํ้า ชมวิวระหว่างทางหลายจุด ที่สำคัญคือเตรียมนํ้ามันให้พร้อมก็พอ!
Highlight ของอำเภออุ้มผาง คือนํ้าตกทีลอซู ถือเป็นนํ้าตกที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในประเทศไทย จนเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องพิชิตนํ้าตกทีลอซู” หากไปที่นี่ขอแนะนำให้เดินทางเข้านํ้าตกโดยใช้แพยางของชุมชนชาวอุ้มผาง จะได้สัมผัสกับนํ้าตกสายรุ้งในระหว่างการเดินทาง นับเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen อีกแห่งที่ไม่ควรพลาด และใครมีเวลาเพิ่มอีกนิด แนะนำ “นํ้าตกทีลอเร” Unseen Thailand อีกแห่งที่จะได้สัมผัสบรรยากาศของผืนป่าตะวันตก อย่างแท้จริง
เลอกวาเดาะ ขุนเขาแห่งศรัทธา เป็นภาษาปกาเกอะญอ แปลว่า “เขาชมวิว” พื้นที่บนเขามีไม่มากนัก เป็นที่ตั้งของเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อันเป็นที่เคารพและสักการะ ของชาวบ้านแถวนี้ และยังเป็นจุดชมวิว 360 องศา ที่ต้องผ่านการปีนและไต่เขาที่เพิ่มระดับความชันไปเรื่อยๆ มีสันคมมีดไว้ท้าทายความกล้าของผู้มาเยือน ขึ้นสู่ดอยนี้จะพบความงามของวิวและทะเลหมอกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จุดเริ่มเดินเท้าอยู่ที่ บ้านเกร๊ะคี อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของคนในพื้นที่ ควรจะต้องงดเว้นสิ่งมึนเมาและอบายมุขทุกสิ่ง
ช่วงนี้ไม่ควรพลาดเลย.. “กระทงกะลา”ใน เทศกาล “สีสันแห่งสายนํ้า มหกรรมลอยกระทง ปี 2562”
วันเพ็ญ เดือนสิบสอง ปีนี้ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง ชาวบ้านได้ทดลองนำกะลาด้านที่ไม่มีรูมาทำเป็นกระทง นำกะลามาขัดถูจนสะอาด ตกแต่งลวดลายสวยงาม ภายในกะลาใส่ด้ายดิบ ที่ฟั่นเป็น รูปตีนกา(นำด้ายขาวมาล้วงเส้นดายให้เป็น 9 เส้น)แล้วหล่อเทียนขี้ผึ้ง เพื่อให้เกิดความเหนียว จากนั้นเทเทียนแล้วรอให้เทียนแข็งตัว ซึ่งเทียนขี้ผึ้งนั้นนำมาจากเทียนจำนำพรรษาที่พระสงฆ์จุดเพื่อทำพิธีสวดมนต์ในโบสถ์วิหารตลอด3 เดือน
หลังจากออกพรรษา ชาวบ้านจะนำเทียนขี้ผึ้งนั้น มาหล่อใส่ในกะลา ซึ่งถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิริมงคลแก่ผู้นำไปลอย ก่อนที่จะปล่อยลงลอยในแม่นํ้าปิง ประกอบกับแม่นํ้าปิงที่ไหลผ่านจังหวัดตากจะเกิดสันทรายใต้นํ้า ทำให้เกิดเป็นร่องนํ้าที่สวยงามเป็นธรรมชาติ เมื่อนำ กระทงกะลา ลงลอย กระทงกะลาจะไหลไปตามร่องนํ้า ทำให้ดูเป็นสายอย่างต่อเนื่อง จนสุดสายตา ไฟในกะลาจะส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องนํ้า ปัจจุบันงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวงกลายเป็นรูปแบบที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของชาวจังหวัดตากที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง กระทงกะลา ที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย ที่จังหวัดตาก กำหนดจัดงานในวันที่ 9 - 13 พฤศจิกายน 2562 ณ ริมสายธารลานกระทงสายเชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก
นี่แค่ตัวอย่างของจังหวัดตากที่ยังมีอะไร ให้ค้นหาอีกมาก ใครไปแล้วเชื่อว่าต้องหาเวลากลับไปเยือนแหล่งอื่นๆ อีกแน่นอน...
หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,521 วันที่ 10 -13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562