พาณิชย์กางแผนลุยต่ออาร์เซ็ป เตรียมพร้อมลงนามไม่มีอินเดีย

08 พ.ย. 2562 | 05:22 น.

กรมเจรจาการค้าฯ เดินหน้าเตรียมความพร้อมฝ่ายไทยก่อนร่วมลงนามความตกลงอาร์เซ็ปกับอีก 14 ประเทศสมาชิกปีหน้า พร้อมกางแผนพีอาร์ให้ทุกภาคส่วนใช้ประโยชน์จากความตกลงให้เต็มที่ เชื่อยังคงเป็นความตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ไม่มีอินเดีย

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากผู้นำประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป : RCEP) 16 ประเทศ ร่วมกันออกแถลงการณ์ ประกาศความสำเร็จการเจรจาอาร์เซ็ป เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่กรุงเทพฯ ว่า สมาชิกอาร์เซ็ป 15 ประเทศ สามารถปิดการเจรจาจัดทำความตกลงอาร์เซ็ปทั้ง 20 บท และการเจรจาเปิดตลาดในส่วนที่สำคัญทุกประเด็นได้แล้ว และมอบให้คณะเจรจาไปเริ่มขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย เพื่อลงนามความตกลงอาร์เซ็ปในปี 2563 

พาณิชย์กางแผนลุยต่ออาร์เซ็ป  เตรียมพร้อมลงนามไม่มีอินเดีย

โดยในส่วนของอินเดียยังมีประเด็นคงค้างที่จะต้องเจรจาต่อ ซึ่งสมาชิกอาร์เซ็ปจะทำงานร่วมกัน เพื่อหาข้อยุติในประเด็นคงค้างของอินเดียต่อไป” ซึ่งหลังจากนี้ สมาชิกอาร์เซ็ปทั้ง 15 ประเทศ จะจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายของความตกลงทั้ง 20 บท โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เพื่อให้ประเทศสมาชิกมีเวลาเพียงพอในการดำเนินกระบวนการภายในของตนเองให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ทั้ง 15 ประเทศ สามารถลงนามร่วมกันได้ในปี 2563 ตามที่ผู้นำตั้งเป้าไว้ โดยในส่วนของไทยจะต้องดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)

 

ทั้งนี้กรมเจรจาการค้าฯ ได้กำหนดแผนการทำงานเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องความตกลงอาร์เซ็ป ดังนี้ 1. จัดประชุมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ข้อมูลสำคัญที่ได้จากการเจรจา รวมทั้งมติของที่ประชุมผู้นำอาร์เซ็ป เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 และหารือการเตรียมการของฝ่ายไทย โดยมีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยระดับเจ้าหน้าที่เป็นประธานการประชุม

2. จัดสัมมนาใหญ่เรื่องอาร์เซ็ปในวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ที่กรุงเทพฯ และลงพื้นที่จัดสัมมนาในต่างจังหวัดทั้ง 4 ภูมิภาค (เชียงใหม่ สงขลา อุดรธานี และชลบุรี) ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลความตกลงให้ประชาชนได้รับทราบ รวมถึงการเตรียมตัวใช้ประโยชน์จากความตกลงทุกมิติและการปรับตัวจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

พาณิชย์กางแผนลุยต่ออาร์เซ็ป  เตรียมพร้อมลงนามไม่มีอินเดีย

 

นางอรมน กล่าวอีกว่า แม้อินเดียจะยังไม่เข้าร่วมปิดดีลความตกลงอาร์เซ็ปในขั้นนี้ แต่ความตกลงอาร์เซ็ป ที่มีสมาชิก 15 ประเทศ ยังคงเป็นความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ฉบับใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีประชากรรวมกันกว่า 2,200 ล้านคน หรือประมาณ 30% ของประชากรโลก มีมูลค่า GDP กว่า 24.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 28.96% ของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 27.22% ของมูลค่าการค้าโลก

 

ในปี 2561 ไทยกับประเทศสมาชิก อาร์เซ็ป 15 ประเทศ มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯคิดเป็น 57.31% ของการค้ารวมทั้งหมดของไทย ไทยมีมูลค่าการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกกว่า 1.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 55.79% ของการส่งออกรวมของไทย และมีมูลค่านำเข้าจากประเทศสมาชิกกว่า 1.45 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 58.74% ของการส่งออกของไทย

สำหรับอาร์เซ็ปจะช่วยสร้างแต้มต่อ ลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า ส่งผลให้มีการยอมรับกฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานต่างๆ ระหว่างกัน และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคและในโลก ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง การผลิต แอนิเมชั่น

พาณิชย์กางแผนลุยต่ออาร์เซ็ป  เตรียมพร้อมลงนามไม่มีอินเดีย

นอกจากนี้ อาร์เซ็ปจะช่วยสร้างโอกาสการส่งออกของไทยในตลาดใหม่ๆ ที่การทำเอฟทีเอ ระหว่างไทย อาเซียน และสมาชิกอาร์เซ็ปในช่วงที่ผ่านมายังเปิดตลาดไม่มากพอ โดยสินค้าที่คาดว่าไทยจะได้รับประโยชน์จากการที่สมาชิกอาร์เซ็ปเปิดตลาดเพิ่มเติมให้ไทยจากเอฟทีเอที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางล้อ เส้นใย สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แป้งมันสัมปะหลัง และกระดาษ เป็นต้น