จีนสอนมวยมะกัน  ย้ำข้อขัดแย้งต้องแก้ด้วยความร่วมมือ  

06 พ.ย. 2562 | 08:16 น.

 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ประกาศบนเวทีเปิดงานไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล อิมพอร์ท เอ็กซ์โป (China International Import Expo: CIIE) ครั้งที่ 2 ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ วานนี้ (5 พ.ย.) ว่า การแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศ ควรจะใช้การปรึกษาหารือและความร่วมมือ มากกว่าการแบ่งฝักฝ่ายแตกแยกเป็นปฏิปักษ์กัน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

 

งาน CIIE จัดขึ้นครั้งแรกที่เซียงไฮ้ในเดือนพ.ย. 2561 เป้าหมายเพื่อโปรโมตบทบาทของจีนในฐานะผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่จากทั่วโลก ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ฉีกต่างไปจากเดิมที่ผู้คนมักจะมองจีนในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้ารายใหญ่กระทั่งได้สมญานามว่าเป็น “โรงงานโลก” ปีนี้มีบริษัทชั้นนำจากประเทศต่างๆเข้าร่วมนำสินค้ามาจัดแสดงในงานจำนวนมากกว่า 1,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นบริษัทอเมริกัน 192 ราย เพิ่มจาก 174 รายในงาน CIIE ปีที่แล้ว ทั้งนี้ สหรัฐฯเป็นประเทศที่ได้พื้นที่จัดแสดงสินค้าใหญ่ที่สุดในงาน CIIE 2019 มีบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯอย่างจอห์น เดียร์, เจเนอรัล มอเตอร์ส(จีเอ็ม), เทสล่า, ฟอร์ด,ฮันนี่เวลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล, เจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) และเธอร์โม ฟิชเชอร์ ไซเอินทิฟิก เข้าร่วมแสดงนวัตกรรมและสินค้าล่าสุดในตลาด

 

 

การกล่าวเปิดงาน CIIE ครั้งนี้ของผู้นำจีนไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐอเมริกาเป็นพิเศษในฐานะประเทศที่กำลังมีข้อพิพาททางการค้ากับจีน  แต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เอ่ยถึงความพยายามของจีนในการที่จะทำข้อตกลงการค้าเสรีกับนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ

จีนสอนมวยมะกัน  ย้ำข้อขัดแย้งต้องแก้ด้วยความร่วมมือ  

“ระยะห่างระหว่างประเทศกำลังหดสั้นลงเรื่อยๆ การปฏิสัมพันธ์สื่อสารระหว่างประเทศกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นดังนั้นความแตกต่างและความขัดแย้งจึงควรจะหดลดลงไปด้วย” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวและย้ำว่า หนทางแก้ไขปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่การปรึกษาหารือและความร่วมมือกัน “ทุกปัญหาจะถูกแก้ไขได้บนพื้นฐานของความเสมอภาค ความเข้าอกเข้าใจกัน และประนีประนอม”

ผู้นำจีนสนทนากับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่บูธสินค้าในโซนฝรั่งเศสภายในงาน CIIE 2019

งาน CIIE ครั้งที่ 2 นี้มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการจัดทำ ‘ข้อตกลงการค้าเฟส1’ ซึ่งเป็นข้อตกลงสงบศึกการค้าที่จีนและสหรัฐฯตกลงกันได้แล้วเพียงบางส่วน เป็นที่คาดหมายกันว่า ผู้นำทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามในข้อตกลงกันได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ โดยสถานที่สำหรับการลงนามคาดว่าจะเป็นที่สหรัฐอเมริกาแต่ถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน (เป็นการเปลี่ยนแปลงจากที่เดิมคาดว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามจัดทำข้อตกลงการค้าเฟส1 กันที่ประเทศชิลี ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก แต่การปรุมดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้วเนื่องจากมีเหตุการประท้วงและความไม่สงบในประเทศชิลี)

 

สถานที่จัดงาน

ท่าทีของจีนในการเป็นประเทศผู้ซื้อ หรือผู้นำเข้ารายใหญ่นับเป็น ‘ปัจจัยบวก’ สำหรับการเจรจาหาข้อยุติให้กับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยืดเยื้อมานานข้ามปี โดยฝ่ายจีนตกลงที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ  ขณะเดียวกัน จีนเองก็พยายามกระตุ้นการเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ (domestic consumption) เป็นหัวจักรขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนให้มากขึ้นหลังจากภาคการส่งออกมีการชะลอตัว

 

ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์จีนชี้ว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา (หลังจากการตอบโต้ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯเริ่มมีผล) การนำเข้าของจีนลดลง 8.5% (เมื่อคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ) ขณะที่การส่งออกก็ลดลง 3.2%  

 

แม้ในปีนี้ ผู้นำจีนจะไม่ได้ประกาศนโยบายใหม่ๆบนเวที CIIE แต่ก็ได้มีการกล่าวถึงกฎหมายการลงทุนของต่างชาติฉบับใหม่ของจีนที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป ซึ่งจีนคาดหวังว่าจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนของต่างชาติสู่จีนมากยิ่งขึ้น