ดูดเอทานอล7ล้านลิตร รื้อโครงสร้างเบนซินดันอี20พยุง‘อ้อย-มัน’

08 พ.ย. 2562 | 01:20 น.

“สนธิรัตน์” เดินหน้าประกาศแก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 เป็นนํ้ามันเบนซินพื้นฐาน เพิ่มการใช้เอทานอลวันละ 7 ล้านลิตร ช่วยพยุงราคาอ้อย-มันสำปะหลัง ไม่ให้ตกตํ่า คาดได้ข้อสรุปธ.ค.นี้ ใช้กลไกราคายกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91

 

นโยบายการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยผลักดันให้นํ้ามันดีเซลบี 10 เป็นนํ้ามันดีเซลพื้นฐานของประเทศ ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 เพื่อสร้างความสมดุลให้กับปริมาณปาล์มนํ้ามัน ดันราคาผลผลิตปาล์มนํ้ามันให้สูงขึ้น รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชน ที่จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกพืชพลังงานและการมีส่วนร่วมเข้าไปเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า ที่คาดว่าจะเห็นรูปแบบเป็นรูปธรรมในช่วงต้นปีหน้านี้

 

นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังปรับเปลี่ยนโครงสร้างนํ้ามันในกลุ่มเบนซินใหม่ โดยเฉพาะการนำเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างเอทานอลมาผสมเป็นนํ้ามันแก๊สโซฮอล์ในสัดส่วนที่มากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้เอทานอลในปริมาณที่มากขึ้น จากปัจจุบันใช้อยู่ที่ราว 4.54 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มเป็น 6-7 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาของอ้อยและมันสำปะหลังไม่ให้ตกตํ่าได้ รวมถึงจะยกเลิกการใช้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 อี 10 เพื่อลดประเภทนํ้ามันด้วย

 

เร่งผลักดันยอดใช้อี20

 

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายสนธิรัตน์ ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และสำนักงานกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง (สกนช.) ไปดำเนินการศึกษาและหาแนวทางการดำเนินงานให้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 เป็นนํ้ามันเบนซินพื้นฐานของประเทศ รวมถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกการใช้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 อี 10 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ในคุณภาพที่ดีกว่า โดยให้ได้ผลสรุปนำมาเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานภายในเดือนธันวาคม 2562 นี้ และคาดว่าจะประกาศใช้บังคับได้ในช่วงต้นปี 2563

 

ตั้งรับการยกเลิกชดเชย

 

การดำเนินงานดังล่าว นอกจากเป็นการช่วยให้เกิดการใช้เอทานอลให้มีปริมาณสูงขึ้นแล้ว ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการยกเลิกชดเชยราคานํ้ามัน ตามพ.ร.บ.กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ที่มีผลใช้บังคับเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา กำหนดให้มีการยกเลิกการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพภายใน 3 ปี และปล่อยให้ราคาขายปลีกนํ้ามัน เป็นไปตามกลไกตลาด

 

เพิ่มเอทานอล7ล้านลิตร

 

ทั้งนี้ หากสามารถให้แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 เป็นเบนซินพื้นฐานของประเทศได้ จะส่งผลให้เกิดการใช้เอทานอลขึ้นไปที่ระดับ 6-7 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันใช้อยู่ 4.5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตเอทานอล อยู่ 28 ราย รวมกำลังผลิต 6.9 ล้านลิตรต่อวัน จากการสำรวจปริมาณรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน พบว่า รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2551 สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ 95  อี 20 ได้ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 58% ของรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินทั้งหมดราว 27 ล้านคัน ขณะที่รถยนต์ใหม่นั้นรองรับได้ทั้งหมด

 

ส่วนมาตรการสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 นั้น ในระยะ แรกอาจต้องใช้กลไกของกองทุนนํ้ามันฯเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อให้ส่วนต่างราคาขายปลีกห่างกันมากขึ้น จากที่จำหน่ายตํ่ากว่าแก๊สโซฮอล์ 95 อี 10 อยู่ 3 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้รถยนต์หันมาใช้

ดูดเอทานอล7ล้านลิตร  รื้อโครงสร้างเบนซินดันอี20พยุง‘อ้อย-มัน’


 

 

ชงยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91

 

นอกจากนี้ ทางกระทรวงพลังงานมีแนวทางที่จะยกเลิกการใช้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 อี 10 และให้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 95 อี 10 มีคุณภาพดีกว่า เป็นทางเลือก ซึ่งในระยะแรกจะยังไม่ยกเลิกทันที แต่จะใช้กลไกกองทุนนํ้ามันฯ เข้ามาดูแล โดยลดการเก็บเงินเข้ากองทุนนํ้ามันฯลงมาเล็กน้อย จากปัจจุบันเก็บที่ 1.12 บาทต่อลิตร เพื่อมาช่วยส่วนต่างของราคานํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 อี 10 กับนํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 95 อี 10 ให้แคบลงมา จนในที่สุดจะไม่มีผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 อี 10 จากปัจจุบันที่มีราคาต่างกันอยู่ 27 สตางค์ต่อลิตร

 

ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 อี 85 นั้น หลังจากครบ 3 ปี ไปแล้วจะไม่มีการชดเชยราคาแล้ว จะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 อี 85 มีราคาแพงขึ้น จากปัจจุบันกองทุนนํ้ามันฯชดเชยราคาอยู่ที่ 7.38 บาทต่อลิตร ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้ใช้รถยนต์เลิกเติมและต้องยกเลิกการจำหน่ายไปโดยปริยาย

 

ยันรถยนต์เก่ามีทางเลือก

 

นายมนูญ ศิริวรรณ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวว่า การให้แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 เป็นนํ้ามันพื้นฐาน เป็นแนวทางที่เสนอไว้ในแผนปฏิรูปด้านพลังงานอยู่แล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ใช้นํ้ามันบนดินหรือเอทานอลที่ผลิตได้ภายในประเทศได้ในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งจะมีผลสะท้อนไปยังเกษตกร มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงการยกเลิกใช้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 91 อี 10 เพื่อลดชนิดของนํ้ามันหรือหัวจ่ายที่มีจำนวนมากอยู่ในสถานีบริการนํ้ามันด้วย

 

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจที่ผ่านมาพบว่าการใช้แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 มีรถยนต์ที่ใช้ได้ย้อนหลังไปไม่ตํ่ากว่า 5 ปี และรถยนต์รุ่นใหม่สามารถรองรับแก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 ได้ทั้งหมด ขณะที่รถยนต์เก่า สามารถเลือกใช้เบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 อี 10 เป็นทางเลือกได้

 

ขณะที่การส่งเสริมใช้แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 นั้น มองว่าส่วนต่างราคาที่ห่างกับแก๊สโซฮอล์ 95 อี 10 ถึง 3 บาทต่อลิตรนั้น เป็นราคาที่เหมาะสมจูงใจพอ จึงไม่จำเป็นต้องนำเงินกองทุนนํ้ามันมาอุดหนุนอีก ในทางกลับกันควรจะค่อยๆ ลดการอุดหนุน เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดใน 3 ปี จะไม่มีการอุดหนุนราคานํ้ามันชีวภาพแต่อย่างใด  

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3520 วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2562

ดูดเอทานอล7ล้านลิตร  รื้อโครงสร้างเบนซินดันอี20พยุง‘อ้อย-มัน’