ราคาน้ำมันดิบผันผวนต่อเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังไร้ข้อสรุป
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 54 – 59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 59 - 64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (4 - 8 พ.ย. 62)
ราคาน้ำมันดิบคาดจะยังคงผันผวนต่อเนื่อง แม้ว่าการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมีความก้าวหน้าในเรื่องของหลักการสำหรับข้อตกลงในเฟส 1 แล้ว แต่ยังคงไร้ข้อสรุปว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้เมื่อไหร่ โดยหากได้ข้อสรุปล่าช้ากว่าวันที่ 15 ธ.ค. จะส่งผลให้สหรัฐฯ มีการเดินหน้าปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในรอบต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวสร้างความกังวลต่อตลาดว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณความต้องการใช้ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึง ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกที่มีแนวโน้มปรับลดลงตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 ต.ค. – 1 พ.ย. 62)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 56.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 61.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 58.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นสูงถึงราว 5.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.5 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก รวมถึง ความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับต่ำในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่อาจจะได้ข้อสรุปล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมในช่วง พ.ย. 62 อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกที่มีแนวโน้มปรับลดลง หลังกลุ่มผู้ผลิตมีแนวโน้มขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบไปจากข้อตกลงเดิม
ที่มา : ไทยออยล์