“ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท

04 พ.ย. 2562 | 04:32 น.

วันหยุดยาวนักท่องเที่ยวใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตรงตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

ชาญกฤช เดชวิทักษ์

     นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้แนะนำมาตรการ "ชิมช้อปใช้" พร้อมรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี และไม่ควรกระจุกตัวเฉพาะเพียงเมืองหลัก แต่ควรกระจายออกสู่เมืองรองด้วย พร้อมยืนยันร้านค้าและผู้ประกอบเข้าร่วมโครงการ "ชิมช้อปใช้" ราว 180,000 ร้านค้า กระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ

“ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท

     นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า ในช่วงวันหยุดยาว 2-5 พ.ย. 62 เป็นระยะเวลา 4 วันติดต่อกันสำหรับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร รองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน พี่น้องประชาชนให้การตอบรับการรณรงค์ท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นอย่างดี 

    

     อีกทั้ง ยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” ทั้งกระเป๋า 1 และกระเป๋า 2 ก็ดีเกินคาด เม็ดเงินทยอยไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากทะลุหมื่นล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท

      และเป็นที่น่าสังเกตว่าพี่น้องประชาชนเริ่มใช้จ่ายเงินผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” และผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงวิสาหกิจชุมชนก็สามารถรับเงินผ่านแอ็ป “ถุงเงิน” คล่องแคล่วมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยยอดการใช้จ่าย ชิมช้อปใช้ ณ วันที่ 3 พ.ย.62 มียอดการใช้จ่ายรวม 10,667.3 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านชิม 1,460.1 ล้านบาท ร้านช้อป 6,171.7 ล้านบาท ร้านใช้ 141.7. ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,893.8 ล้านบาท

 

     กระทรวงการคลังขอย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการ "ชิมช้อปใช้" มี 3 ประการ คือ 1. ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนรับรู้และเข้าใจนิยามของคำว่า "สังคมไร้เงินสด" ในทางปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การค้าขายในสังคมยุคดิจิทัล 2. ส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพราะพ่อ แม่ ลูก จะมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นผ่านการท่องเที่ยว และ 3. กระจายเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนอย่างแท้จริง โดยจะเพิ่มมากขึ้นแบบเป็นนัยยะในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูการท่องเที่ยว

“ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท

     “จากการลงพื้นที่ติดตามผลอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่พบว่า ร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซนต์ และบางพื้นที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซนต์ แสดงว่าเงินสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ก่อให้เกิดการหมุนเวียน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง” นายชาญกฤชกล่าว

“ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท

      นางวิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เมื่อรวมยอดผู้ลงทะเบียนโครงการ “ชิมช้อปใช้” ทั้งเฟส 1 และ 2 มีประชาชนร่วมลงทะเบียน 13 ล้านคน นับว่าเป็นกลุ่มที่มีพลังงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการหยุดยาว 4 วัน ช่วงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แม้ประชาชนยังเน้นใช้เงินผ่านกระเป๋า 1 เมื่อใช้เงินเพียงบางส่วนในกระเป๋า 1 แล้ว วงเงินที่เหลือ ยังทยอยใช้ได้จนถึงเดือนธันวาคม ส่วนกระเป๋า 2 ขั้นตอนการเติมเงินไม่ยุ่งยาก เพราะในแอ็บเป๋าตัง จะมีแถบการใช้สิทธิ์สองแถบ คือ กระเป๋า 1 ใช้สิทธิ์รับเงิน 1,000 บาท ส่วนกระเป๋า 2 เข้าไปในปุ่มสีส้ม กดเข้าไปจะได้รับ QR Code หรือได้รับ G-Wallet ID จากนั้นให้แคปหน้าจอ QR Code เพื่อเติมเงินในกระเป๋า 2 นอกจากนี้ ธ.กรุงไทยยังเปิดให้เติมเงินผ่านตู้ ATM เพื่อนำเงินกระเป๋า 2 ออกไปใช้จ่ายได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล 

 

     สำหรับการได้รับสิทธิ์เงินชดเชยจากการใช้เงินผ่านชิมช้อปใช้ วงเงิน 30,000 บาทแรก ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 15 ของมูลค่าซื้อขายแต่ไม่เกิน 4,500 บาท หากซื้อเกิน 30,000-50,000 บาท ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 20 ของเงินใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาท ทั้งสองโครงการใช้เงินได้ถึงสิ้นปี 62 ยอมรับว่าแม้จะได้รับเงินชดเชยคืนภายหลังโครงการครบกำหนดไปแล้ว แต่ให้ถือว่าเป็นเงินของตนเองจากการซื้อสินค้าแล้วได้รับชดเชยคืนจากภาครัฐ  หลังจากนี้จะมีโครงการแคมเปญใหญ่ ธ.กรุงไทย ร่วมกับการท่องเที่ยว โหมกระหน่ำลดราคา เพื่อดึงนักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวช่วงปลายนี้ ให้ติดตามการประกาศแคมเปญในเร็วๆ นี้