กกร. ประกาศความสำเร็จ สร้างแพลตฟอร์มค้าดิจิทัลไทยเชื่อมโลก

เอกชน 3 สถาบันแย้มความสำเร็จโครงการ NDTP ทดลองใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนทำการค้าระหว่างประเทศของไทย ชี้อนาคตช่วยพลิกโฉมครั้งใหญ่ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้าน NTT DATA จากญี่ปุ่นชี้สามารถประหยัดเวลางานเอกสารลงได้ถึง 60% ช่วยลดต้นทุนลงได้อีกอื้อ

นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แถลงถึงความสำเร็จในการทดลองระบบการค้าระหว่างประเทศด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน( Blockchain) ร่วมกับ บริษัท NTT Data จากญี่ปุ่นเพื่อศึกษาความเป็นไปได้และประโยชน์ที่ได้รับจากระบบภายใต้โครงการ National Digital Trade Platform (NDTP)(แพลตฟอร์มการทำการค้าในรูปแบบดิจิทัล)

นายกลินท์ กล่าวถึงการพัฒนาการค้าระบบดิจิทัลภายในภูมิภาคอาเซียนว่า โครงการ Digital Trade Platform ได้รับการรับรองในการประชุมสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน(ASEAN-BAC) เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงนี้ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โครงการนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าระหว่างประเทศของไทยที่จะผลักดันเชื่อมโยงกับอาเซียน และเชื่อมโยงกับทั่วโลก ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานด้วยการลดต้นทุนจากการติดต่อด้านเอกสารต่างๆ ในปัจจุบัน ทำให้ประหยัดเวลาด้วยการปรับเป็นระบบดิจิทัลทั้งกระบวนการ

นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ SME มีส่วนร่วมในภาคเศรษฐกิจและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยสามารถป้องกันการขอสินเชื่อซ้ำช้อนและการป้องกันปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มลำดับ Ease of Doing Business ของประเทศได้มาก

ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า โครงการ NDTP นี้เป็นความริเริ่มของภาคเอกชนนำโดยกกร.เพื่อสร้างระบบการค้าในรูปแบธุรกิจกับธุรกิจ(B2B) ระหว่างประเทศ คณะรัฐมนตรี(ครม.)จึงได้มีมติให้การสนับสนุนโครงการโดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและสำนักงานพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำงานร่วมกับกกร. เพื่อช่วยกันพัฒนาระบบนี้ให้เกิดขึ้นโดยเร็วและเชื่อมต่อกับระบบ NSW (National Single Window) ของไทย และเชื่อมต่อกับประเทศในอาเซียนรวมถึงประเทศอื่น ๆทั่วโลกเพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศ

Mr.Hironari Tomioka, President และ CEO บริษัท NTT Data (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าในการทดสอบประโยชน์จากการใช้เอกสารในระบบอีเล็กทรอนิกส์ครั้งนี้ มีบริษัทเข้าร่วม 24 หน่วยงาน มีจำนวนผู้เข้าร่วมทดสอบ 47 คนมาจากภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ ธนาคาร ผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ผู้ส่งออกสินค้า ประกันภัย ผู้ออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และผู้นำเข้าสินค้าในประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมกันทดสอบกับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการค้า เช่น ใบสั่งซื้อสินค้า ใบส่งสินค้า ใบกำกับการขนส่ง ใบขนส่งสินค้าทางเรือ ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ใบอนุญาตเพื่อส่งออกสินค้า ทั้งหมดในระบบดิจิทัล สามารถประหยัดเวลาได้ถึง 60% และค่าใช้จ่ายต่างๆได้มาก

การทดสอบครั้งนี้ได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ระบบ AI และระบบเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท NTT Data ในประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับพันธมิตรบริษัทต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากธนาคาร          ผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ผู้ส่งออกสินค้า ประกันภัย ผู้ให้บริการตู้สินค้า ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2560