ปตท.เตรียมแผน 5 ปี ดัน‘โออาร์’สยายปีกไทย-เทศ

04 พ.ย. 2562 | 09:20 น.

 

ปตท. เปิดตัว “โออาร์” สู่บริษัทเรือธงของกลุ่ม เดินหน้าสานแผนงานเติบโตแบบยั่งยืนในอนาคต ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ, การเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมผนึกพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างการเติบโตก่อนดันแผน 5 ปี ออกใช้งานสยายปีกไทย-เทศ

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทนับจากนี้จะให้ความสำคัญการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์หลัก การเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ (Productivity) การเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Inorganic growth) ซึ่งมีเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจน้ำมัน และขยายธุรกิจค้าปลีกและต่างประเทศ

ที่ในอนาคตสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ 2 ธุรกิจนี้จะเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 30% และธุรกิจน้ำมัน 70% ซึ่งแนวทางการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตจะเน้นรูปแบบการตั้งบริษัทย่อย หรือร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละกลุ่มมาใช้ร่วมกันในการสร้างการเติบโต

ปตท.เตรียมแผน 5 ปี  ดัน‘โออาร์’สยายปีกไทย-เทศ

“หลังจากที่ปตท.ปรับโครงสร้างด้วยการนำหน่วยธุรกิจน้ำมันและบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องมาอยู่ภายใต้ บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) โดยมีฐานะเป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ของกลุ่ม ปตท.ด้านการดำเนินธุรกิจนํ้ามันและธุรกิจค้าปลีกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมชุมชน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ”

ปตท.เตรียมแผน 5 ปี  ดัน‘โออาร์’สยายปีกไทย-เทศ ปตท.เตรียมแผน 5 ปี  ดัน‘โออาร์’สยายปีกไทย-เทศ

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน 5 ปี (ปี 2563-2567) โดยคาดว่าจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้ภายในปีนี้ เพื่อนำไปใช้ในปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่การ
กระจายหุ้น IPO ให้ชุมชนตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องพิจารณารายละเอียด ความเป็นไปได้และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้

 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจต่างประเทศบริษัทยังคงนำรูปแบบทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศ ได้แก่ สถานีบริการนํ้ามัน พีทีที สเตชัน ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ และศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ ไปต่อยอดโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ

อีกทั้งยังได้นำผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีไทย (SMEs) ไปขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีสถานีบริการนํ้ามันในสปป.ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเมียนมา รวมกว่า 280 แห่ง คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 675 แห่ง ส่วนร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ในสปป.ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น และโอมาน รวมกว่า 200 สาขา ใน 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 700 แห่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ กว่า 70 สาขาในปัจจุบันจะยังไม่ขยาย แต่จะปรับปรุงรูปแบบใหม่หลังประสบปัญหาเรื่องซัพพลายเชนจำนวนมาก

ปตท.เตรียมแผน 5 ปี  ดัน‘โออาร์’สยายปีกไทย-เทศ

อย่างไรก็ตามปัจจุบันโออาร์ประกอบด้วยธุรกิจหลัก 3 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจนํ้ามัน 2.กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (non-oil) อาทิ ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที เท็กซัส ชิคเก้น ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ (FIT Auto) ฯลฯ และ 3.กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาโออาร์มียอดขายกว่า 5 แสนล้านบาท และมีกำไร 7.9 พันล้านบาท ซึ่งแม้จะคิดเป็นร้อยละของกำไรต่อยอดขายไม่มากนัก

แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจโรงกลั่นนํ้ามันที่อยู่ในธุรกิจใกล้เคียงกันก็นับว่าอยู่ในระดับที่ดี ขณะที่เป้าหมายระยะยาวของบริษัทคือการนำแบรนด์คนไทยไปต่างประเทศ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไม่ใช่เพียงเฉพาะโลโกของโออาร์ แต่หมายถึงแบรนด์คู่ค้าที่จะเติบโตไปพร้อมกันภายในสถานีบริการนํ้ามันของบริษัทด้วย 

หน้า 15 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3519 วันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2562