ส.ส.มะกันลงมติเดินหน้ากระบวนการ ‘ถอดถอนทรัมป์’

01 พ.ย. 2562 | 10:14 น.

 

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาลงมติวานนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น 31 ต.ค.) 232 ต่อ 196 เสียง ให้รัฐสภาเดินหน้ากระบวนการไต่สวนเพื่อเปิดญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง แม้ว่าพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นฝ่ายค้านจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ แต่ก็มีส.ส.ของพรรค 2 คนที่ออกเสียงคัดค้านการยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ร่วมกับส.ส.ฝ่ายรีพับลิกัน

แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ

นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และแกนนำเดโมแครตกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนในสภาแห่งนี้ จะต้องพิทักษ์และปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐฯ “ไม่มีใครที่สมัครเข้ามาทำงานในสภาเพื่อตั้งใจจะถอดถอนประธานาธิบดี เว้นเสียแต่ว่าการทำงานของผู้นำฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ นั้นสร้างความเสื่อมเสียและขัดต่อการให้สัตย์ปฏิญาณเรื่องการทำหน้าที่โดยชอบธรรม” นางเปโลซียังระบุด้วยว่า แม้รัฐธรรมนูญจะให้อำนาจต่อประธานาธิบดี แต่รัฐสภาก็มีกระบวนการตรวจสอบ เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการของประชาธิปไตย

 

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวิตข้อความว่าความเคลื่อนไหวของพรรคเดโมแครตในสภาฯถือเป็น "การล่าแม่มดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ" ทั้งนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรฯ ลงมติให้เดินหน้ากระบวนการยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดี ขั้นตอนต่อจากนี้คือคณะกรรมาธิการคองเกรสจะเปิดให้มีการไต่สวนเรื่องการถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯออกจากตำแหน่งอย่างเต็มรูปแบบและเปิดเผยต่อสาธารณชน จากนั้นเมื่อพิจารณาผลการไต่สวนแล้ว วุฒิสภาจะเป็นผู้ลงมติว่าสมควรถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งหรือไม่

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า นี่คือการล่าแม่มดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้มีนักการทูตสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่หลายคนไปแถลงให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯเกี่ยวกับกรณีที่ผู้นำสหรัฐฯขอให้ผู้นำยูเครนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อยนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของนายโจ ไบเดน ที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองของเขา ซึ่งล่าสุดคือนายทิม มอร์ริสัน อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการคองเกรสโดยเขาระบุหลักฐานชัดเจนว่า ทรัมป์ได้พยายามตั้งเงื่อนไขการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนแลกกับการที่ยูเครนจะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อลูกชายนายโจไบเดนที่เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ในยูเครนจริง หลังจากนี้นายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของทรัมป์จะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการของสภาฯเป็นคนต่อไป

 

 

กระบวนการทางรัฐสภาของสหรัฐฯเกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากฝ่ายค้านพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ทรัมป์พยายามใช้อำนาจในฐานะประธานาธิบดีกดดันนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ให้ช่วยทรัมป์กำจัดศัตรูทางการเมือง ถือเป็นการใช้อำนาจแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง ทั้งนี้ เนื่องจากนายไบเดนเป็นคู่แข่งคนสำคัญของทรัมป์ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯในปี 2020