ชำแหละปมร้อน เจ้าสัว‘อนันต์’ รอดคดีฟอกเงิน
ฮือฮาไปทั้งบ้านทั้งเมืองเมื่อสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) สั่งไม่ฟ้องคดีที่กรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนการไต่สวนคดีที่ นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของประเทศ พัวพันคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นในความผิดฐานฟอกเงินจากการขายที่ดิน
ในรายการ NEWSROOM ห้องข่าวเศรษฐกิจ ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.30-11.50 น. ทางเนชั่นทีวีช่อง 22 ช่วง ลึกแต่ไม่ลับ กับ บากบั่น บุญเลิศ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ตอน เจ้าสัว อนันต์ อัศวโภคิน แลนด์แอนด์เฮ้าส์ คดีซื้อที่ 46 ไร่ บริจาค “ธัมมชโย” ดำเนินรายการโดย บากบั่น บุญเลิศ และ วิลาสินี แวน ฮาเรน
คดีนี้เป็นคดีพิเศษที่ 10/2560 โดยคณะกรรมการพิจารณาคดีของดีเอสไอ ได้มีมติให้แจ้งดำเนินคดีกับ นายอนันต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นำไปบริจาคให้กับวัดธรรมกาย ร่วมกับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุกอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พบความผิดกรณีที่นายศุภชัย อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ในส่วนของที่ดินที่โอนขายให้กับ นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ และนายอนันต์ ซึ่งนายศุภชัย นำเงินไปลงทุนซื้อที่ดินจำนวน 3 แปลง โดยวิธีการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 11 ฉบับรวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 321 ล้านบาท โดย ปปง.ได้มีมติให้อายัดที่ดินจำนวน 8 แปลงของ นางสาวอลิสา อัศวโภคิน ที่ครอบครองแทนนายอนันต์ไว้ชั่วคราวด้วย
“ที่ผ่านมา กองบุญกองกรรมของวัดธรรมกายได้ลากเศรษฐีเมืองไทยที่ชื่อ นายอนันต์ และ ลูกสาว คือ นางสาวอลิสา เข้าไปรับกรรมตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 โดยนายอนันต์ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากดีเอสไอในคดีสำคัญ 2 ข้อหา คือ มีความผิดฐาน “สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ตามมาตรา 5 และมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ทำให้เกิดความเสียหายกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 13,000 ล้านบาท แต่ไม่ถูกควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีพฤติการณ์ว่า จะหลบหนี
นายบากบั่น กล่าวว่า ในสำนวนของดีเอสไอระบุว่า มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554 คณะกรรมการของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯ มีมติให้ซื้อที่ดินจาก บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามโฉนดเลขที่ 31344 ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ขายให้กับนายอนันต์ ในราคา 93.78 ล้านบาทซึ่งตํ่ากว่าราคาประเมิน 3 เท่า โดยราคาประเมินเวลานั้นอยู่ที่ตารางวาละ 15,000 บาท คิดเป็น เงินทั้งหมด 281 ล้านบาท ต่อมานายอนันต์ได้ขายที่ดินต่อและโอน เงินกลับมายัง มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ในวัดธรรมกาย ที่มีพระธัมมชโยเป็นองค์อุปถัมภ์ จำนวน 300 ล้านบาท
พฤติกรรมเช่นนี้ ทางดีเอสไอที่ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด ถือว่า เข้าข่ายการฟอกเงิน เพราะเงินจำนวนนี้ถูกถ่ายโอนกลับมายังมูลนิธิดังกล่าว และมีการโอนกลับมาถือในนามของนายอนันต์ มีลักษณะฟอกไปฟอกมา นายบากบั่น ระบุ และว่า พนักงานสอบสวนยังพบเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งเป็นเอกสารลับ ลงนามโดย นายศุภชัย ระบุว่า ได้ยกโฉนดเลขที่ 31344 ให้พระธัมมชโย แต่พระธัมมชโย ระบุให้นายอนันต์ถือครองสิทธิตามหน้าโฉนดแทน จึงมี 2 เหตุการณ์ คือ โอนถ่ายที่ดินให้กับนายอนันต์ และนายศุภชัยทำเอกสารยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับพระธัมมชโย
“คณะทำงานชุดดังกล่าวจึงเห็นพ้องว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายอนันต์ ถือครองทรัพย์สินแทนพระธัมมชโย ต่อมาเมื่อนายอนันต์ขายที่ดินในราคา 493 ล้านบาท ให้กับพระธัมมชโยแล้วยักยอกเงินออกมาจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ โดยเงินจำนวนดังกล่าวออกมาจากบัญชีใดของพระธัมมชโย เป็นการนำออกมาฟอกซํ้าอีกทีในการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวและย้อนกลับไปที่มูลนิธิของคุณยายจันทร์ฯ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า มีการซื้อขายและจ่ายเงินกันจริงหรือไม่ เป็นการทำสัญญาลวงหรือไม่ เพราะสุดท้ายทายาท คือ นางสาวอลิสา ลูกสาวถูกสั่งให้อายัดทรัพย์จาก ปปง.ที่ซื้อจากนายศุภชัย จำนวน 8 แปลง อีก 114 ล้านบาท” นายบากบั่น กล่าวยํ้า
นายบากบั่น ยังเปิดเอกสารอีกฉบับที่น่าสนใจ ระบุว่า นายศุภชัยนำเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ 275 ล้านบาทไปซื้อบ.เอ็ม-โฮมฯ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554 ต่อมา บอร์ดของบริษัทได้มีมติให้ขายที่แปลงดังกล่าวเพื่อจ่ายหนี้ จึงพบว่า นายอนันต์เป็นคนที่ซื้อที่แปลงดังกล่าวเป็นเงินกว่า 93 ล้านบาท โดยทำสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดิน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ต่อมานายอนันต์ได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวมาขายต่อ จำนวน 492 ล้านบาท และนำเงินส่วนหนึ่งจากการขายที่ดินประมาณ 303 ล้านบาท บริจาคให้กับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ที่มีพระธัมมชโย เป็นองค์อุปถัมภ์
“กล่าวกันว่าที่จู่ๆ สำนัก งานอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีพร้อมส่งกลับมาให้ดีเอสไอ ที่ล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ อยู่ระหว่างตรวจสอบคำสั่งดังกล่าวนั้น หากอธิบดีดีเอสไออ่านแล้วมีความเห็นแย้งกับความเห็นของอัยการก็จะส่งเรื่องกลับไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งอาจมีการตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง และถ้าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ ฟ้องเหมือนเดิม คดีนี้ถือว่า สิ้นสุด
พูดกันอื้ออึงว่า บางเรื่องทำสำนวนมาดีเมื่อไปถึงอัยการกลับสั่งไม่ฟ้องได้ง่ายๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอัยการสูงสุดจะต้องเงี่ยหูฟังให้ดี เพราะวันนี้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ฝนกำลังตกที่สำนักงานอัยการสูงสุด (ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตก)” นายบากบั่น ระบุ
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,519 วันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2562
