อสังหาฯลอนดอนคึก ค่าเงินปอนด์ตกคนไทยแห่ซื้อ

01 พ.ย. 2562 | 04:25 น.

ไนท์แฟรงค์ เผยตลาดอสังหาฯ ลอนดอนเริ่มคึกคัก ค่าเงินปอนด์อ่อน เหมาะแก่การลงทุน ชี้นักลงทุนไทยแห่จับจอง คาดสิ้นปีนี้ปิดดีล 1,400ล้านบาท


มร. คริสโตเฟอร์ โจนส์ จากไนท์แฟรงค์ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ในลอนดอนในปีนี้ เริ่มฟื้นตัวทั้งด้านราคาขายและความต้องการที่ปรับตัวดีขึ้น จากเดิมที่ต้องลดราคาขายลง 20 – 25% เพื่อให้ขายได้ แต่ปัจจุบันลดประมาณ 10 – 15% เนื่องจากความต้องการที่พักอาศัยในลอนดอนสูงกว่าจำนวนยูนิตเปิดตัวในตลาด ซึ่งมีไม่ถึง 40,000 ยูนิต 

ในขณะที่ความต้องการอยู่ที่ประมาณ 70,000 ยูนิต ประกอบกับจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาศึกษาต่อมากกว่า 100,000 คนต่อปีทั่วทั้งประเทศอังกฤษ รวมไปถึงนักลงทุนที่ย้ายเข้ามาตั้งสำนักงานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่างๆ และความต้องการภายในประเทศเองก็เพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายภาครัฐเข้ามากระตุ้นภาคอสังหาฯ 

กลุ่มผู้ซื้ออสังหาฯ ในลอนดอนส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และยิ่งในช่วงนี้ที่ค่าเงินปอนด์อ่อนลง ทำให้ราคาอสังหาฯ ในลอนดอนถูกลงไปค่อนข้างเยอะ หากเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา จึงยิ่งทำให้เป็นที่ต้องการของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นไปอีก โดยพื้นที่ที่พักอาศัยที่นักลงทุนหรือผู้ซื้อสนใจส่วนใหญ่จะต้องอยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน ในระยะที่สามารถเดินได้ 5 – 10 นาที และมีสภาพอาคารที่ดูใหม่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน

มร.แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในลอนดอนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีนักลงทุนติดต่อเข้ามาติดต่อมากขึ้น โดยวัตถุประสงค์ของกลุ่มผู้สนใจนั้น จะซื้อเพื่อให้บุตรหลานได้พักอาศัย ในระหว่างเรียน และปล่อยเช่าในภายหลัง และบางส่วนซื้อเพื่อพักอาศัยเอง โดยจะอยู่ในพื้นที่ใจกลางลอนดอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คุ้นเคย แต่ราคาขายย่านนั้นค่อนข้างสูง

ขณะที่ผลตอบอยู่ที่ 1 – 2% เท่านั้น หากเป็นพื้นที่ใกล้ใจกลางเมืองหรือห่างเมืองออกไปหน่อย อย่างเช่น แฮมเมอร์สมิธและแพดดิงต้น เดินทางเข้าเมืองได้สะดวก สามารถซื้อในราคาเดียวกับที่พักอาศัยใจกลางเมือง แต่ได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย มีผลตอบแทนสูงจากการปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 4 – 6% จึงทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน

โดยภายในปี 2562 ไนท์แฟรงค์สามารถปิดการขายจากนักลงทุนไทยได้กว่า 21 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นถึง 100% หากเทียบกับปี 2561 และนักลงทุนรายใหญ่อีกจำนวน 16 ยูนิต มูลค่ากว่า 14.6 ล้านปอนด์ ทั้งนี้ยังมีอีก 10 รายที่อยู่ในระหว่างการเจรจา และอีก 1 รายใหญ่ที่มีมูลค่า 36 ล้านปอนด์หรือราว 1,400 ล้านบาท