ภาษีเจริญ-หลักสองเดือด 3 โครงการ 6 พันยูนิต   

06 พ.ย. 2562 | 07:00 น.

คอลัมน์พร็อพเพอร์ตีโฟกัส

วันนี้รถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน ต่อขยายการเดินรถจากหัวลำโพงไปถึงหลักสอง ระยะทางรวม 14 กิโลเมตร มีจำนวน 11 สถานี หลังจากรอมานาน

ขณะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปักหมุดขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมมารอล่วงหน้าเต็มตลอดแนวนานหลายปี แต่จะขอโฟกัสที่ย่านสถานีภาษีเจริญ - หลักสอง ซึ่งเป็น 2 สถานีสุดท้าย ของรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน ช่วงหัวลำโพง - หลักสอง

ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย สำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ 2 สถานีสุดท้ายของรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน พบว่าสิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2562 มีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 8 โครงการ จำนวน 5,991 ยูนิต มูลค่าโครงการ 12,393 ล้านบาท ขายไปแล้วประมาณ 4,491 ยูนิต หรือคิดเป็น 75% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด เหลือขายประมาณ 1,526 ยูนิต หรือคิดเป็น 25%

ภาษีเจริญ-หลักสองเดือด 3 โครงการ 6 พันยูนิต   

ล่าสุด บริษัทริสแลนด์ (ประเทศไทย) กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติฮ่องกง เปิดตัวโครงการใหม่บริเวณปากซอย เพชรเกษม 37 ใกล้ MRT ภาษีเจริญ และห้างซีคอน บางแค เป็นอาคารสูง 33 - 34 ชั้น 2 อาคาร จำนวนยูนิตมากถึง 2,176 ยูนิต ซึ่งเปิดขายก่อนในช่วงพรีเซลเพียงแค่ 4 ชั้นเท่านั้น

 

ขณะที่ช่วงก่อนหน้ามีผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่าง บมจ. ศุภาลัย เคยเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลนี้เช่นเดียวกัน ภายใต้แบรนด์ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญบนพื้นที่ 10 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 4,400 ล้านบาท และมียูนิตขายมากถึง 1,810 ยูนิต และ บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ เปิดตัวโครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56 บนเนื้อที่ 13-3-12.3 ไร่ จำนวนยูนิตสูงถึง 2,047 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 6,000 ล้านบาท เพียงแค่ 3 โครงการบนทำเลย่านนี้ ยูนิตขายรวมสูงกว่า 6,000 ยูนิต

สำหรับผู้ประกอบการรายอื่นๆที่จะเข้ามาในย่านนี้ ต้องศึกษาทำเลให้ละเอียดก่อนว่ากำลังซื้อที่รองรับมีเพียงพอหรือไม่ เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย หากมีการตั้งราคาขายที่สูงเกินไปกว่ากำลังซื้อจะสามารถเข้าถึงได้ ก็จะส่งผลให้โครงการดังกล่าวไม่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเท่าที่ควร  รวมถึงการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตขายที่มากเกินไป หากก่อสร้างแล้วเสร็จ ยังมียูนิตที่คงค้าง อาจจะเป็นปัญหาให้กับผู้ประกอบการ ที่จะต้องระบายยูนิตเหล่านั้นออกไป

 

จากการสำรวจยังพบว่าผู้ประกอบการนิยมพัฒนาห้องแบบ 1 ห้องนอนมากที่สุดถึง 4,654 ยูนิต หรือคิดเป็น 77.7% รองลงมาเป็นรูปแบบ สตูดิโอ 892 ยูนิต หรือคิดเป็น 14.9% และ รูปแบบ 2 ห้องนอน ที่ประมาณ 445 ยูนิต หรือคิดเป็น 7.4% โดยรูปแบบ 1 ห้องนอน ขายได้มากที่สุดที่ประมาณ 58.8% คือสามารถขายได้แล้วประมาณ 3,520 ยูนิต จากอุปทานทั้งหมด 4,654 ยูนิต รองลงมาคือ รูปแบบ สตูดิโอที่ขายไปแล้ว 639 ยูนิต หรือคิดเป็น 10.7% จากอุปทานทั้งหมด 892 ยูนิต และรูปแบบ 2 ห้องนอน ที่ขายได้ประมาณ 332 ยูนิต หรือคิดเป็น 5.5% จากอุปทานทั้งหมด 445 ยูนิต

ช่วงระดับราคาที่ขายดีที่สุดอยู่ที่ 1,750,001- 2,000,000 บาท สามารถขายไปได้ประมาณ 93.9% จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขาย 570 ยูนิตเท่านั้น ตามมาด้วยระดับราคา 5,000,001-7,500,000 ที่สามารถขายไปได้แล้วประมาณ 90.0% และระดับราคา 2,5000,000-3,000,000 บาทขึ้นไป สามารถขายไปได้แล้วประมาณ 86.7%

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,519 วันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2562

                    ภาษีเจริญ-หลักสองเดือด 3 โครงการ 6 พันยูนิต