ภาคเหนือและอีสานอากาศเย็นถึงหนาว กรุงเทพฯมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่

31 ต.ค. 2562 | 23:06 น.

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562

ลักษณะอากาศทั่วไป  พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (1 พฤศจิกายน 2562) หย่อมความกดอากาศต่ำในประเทศกัมพูชาทางใต้ของจังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 30 กิโลเมตร ที่อ่อนกำลังลงจากพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) มีแนวโน้มเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ประเทศไทย บริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมแรง เกิดขึ้นได้ในระยะนี้
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร
บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก
รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพ
เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา    บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ได้เปลี่ยนทิศทางตามการเคลื่อนตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำ และมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มียังคงมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ    อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส
กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ    อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนมากทางตอนบนของภาค
อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์
อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-11 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง    อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคเหนือและอีสานอากาศเย็นถึงหนาว กรุงเทพฯมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่

 

ภาคตะวันออก    อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา
สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)    มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา
ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)    มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม/ชม
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล    อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา