BMW ดันยอดตัวแรง ‘เอ็ม’ไฮบริด-อีวี มาแน่

01 พ.ย. 2562 | 03:30 น.

 

บีเอ็มดับเบิลยู เสริมทัพตัวแรงตระกูล M คาดยอดขายทั่วโลกปีนี้แตะ 1.4 แสนคัน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ย้ำ “เอ็ม คาร์” เวอร์ชัน ปลั๊ก-อินไฮบริด มาแน่ และตามสมทบด้วย อีวี ส่วนเมืองไทยครึ่งปีแรกโต 18% เปิดตัว “เอ็กซ์ 3 เอ็ม” ราคา 7.699 ล้านบาท และ “เอ็กซ์ 4 เอ็ม” 7.999 ล้านบาท

ขณะที่โลกยานยนต์กำลังมุ่งสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่รักษ์โลก ลดมลพิษ ทว่าในกลุ่ม “ตัวแรง” ตระกูลดังของ 2 ค่ายรถยนต์หรูจากเยอรมนี ยังตั้งหน้าตั้งตาขายจริงจังด้วยการเพิ่มโมเดลใหม่ๆ พร้อมแตกไลน์ขยายเวอร์ชันอีกเพียบ

บีเอ็มดับเบิลยูมี “เอ็ม” (M) ส่วน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำตลาดผ่าน “เอเอ็มจี” (AMG) โดยยอดขาย M ทั่วโลกของแบรนด์รถจากแคว้นบาวาเรียในปี 2018 ทำได้ 102,780 คัน เพิ่มขึ้น 27.2% เมื่อเทียบกับปี 2017 (จากยอดขายบีเอ็ม ดับเบิลยูทั้งหมด 2,125,206 คัน ไม่รวมรถจักรยานยนต์ มินิ และโรลส์-รอยซ์) ส่วนคู่แข่งร่วมชาติกับแบรนด์ AMG ขายไป 118,204 คัน ลดลง 10.4% (จากยอดขายเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก 2,310,185 คัน)

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูใช้ชื่อ M ในการสื่อสารถึงรถหลายระดับ ซึ่งยอดขายรวม 102,780 คันในปีที่แล้วรวมทั้ง M High Performance และ M Performance (ไม่นับรวมพวกชุดแต่ง M Sport Package)

M High Performance หรือ M Cars คือเวอร์ชันตัวแรงของโมเดลหลายรุ่นที่คุ้นเคยมานาน และยังขยับพลังแรงขึ้นไปได้อีกเป็น M Competition และขั้นสุดอย่าง CS และ GTS ที่มีเฉพาะบางโมเดล

ส่วน M Performance ถือเป็นรุ่นย่อยที่เพิ่มระดับความแรง อย่างที่เปิดตัวใหม่คือ ซีรีส์3 M340i xDrive และ ซีรีส์2 M235i xDrive รวมถึง ซีรีส์ 1 M135i โดยรุ่นย่อยกลุ่มนี้จะเปิดตัวพร้อมๆกับรุ่นเครื่องยนต์ปกติ หรือคล้อยหลังไม่นาน ต่างจากเวอร์ชัน M High Performance

เมืองไทยในกลุ่ม M High Performance ทำยอดขายครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 62) เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยรุ่นที่เป็นพระเอกคือ M2 ราคา 5.539 ล้านบาท ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวอีก 2 รุ่นคือ X3 M และ X4 M พร้อมให้จองผ่านช่องทางออนไลน์ รูปแบบการขายที่บีเอ็มดับเบิลยูเริ่มนำมาศึกษาและทดลองใช้จากนี้ต่อไป(ช่วงแรกเริ่มทำกับรถที่มีจำนวนจำกัด)

BMW ดันยอดตัวแรง ‘เอ็ม’ไฮบริด-อีวี มาแน่

X3 M และ X4 M ใช้เครื่องยนต์เดียวกันคือ เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 480 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive

การออกแบบภายนอก ทั้ง 2 รุ่นได้รับการปรับปรุงช่องดักลมด้านหน้าเพื่อประสิทธิภาพในการส่งลมเย็นเข้าไประบายความร้อนในเครื่องยนต์ และประกบล้ออัลลอยM ขนาด 21 นิ้ว ใช้ไฟหน้าแบบ Adaptive LED เสริมด้วยหลังคาแก้ว

ภายในห้องโดยสารตกแต่งสไตล์ M เบาะนั่งทรงสปอร์ตบุด้วยหนังแท้ เข็มขัดนิรภัย พวงมาลัย หัวเกียร์ ชุดเครื่องเสียง Harman Kardon พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทั้ง Driving Assistant, Parking Assistant Plus

X3 M ราคา 7.699 ล้านบาท ส่วน X4 M 7.999 ล้านบาท มีจำนวนจำกัดรุ่นละ 3 คัน เปิดจองผ่าน shop.bmw.co.th ตั้งแต่วันนี้- 28 พฤศจิกายนนี้ โดยลูกค้าจะต้องเข้าไปเลือกรุ่นรถยนต์ รวมถึงผู้จำหน่ายรถยนต์บีเอ็ม ดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ พร้อมดำเนินการตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในหน้าเว็บไซต์ เพื่อยืนยันการจอง และรอการติดต่อจากดีลเลอร์ตามที่เลือกไว้

X3 M X4 M

ส่วนรถทั้ง 2 รุ่นเตรียมนำไปเปิดตัวต่อสาธารณชนในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน- 10 ธันวาคมนี้

ด้านนโยบายระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยูมีแผนเพิ่มรุ่น M กับรถขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด เช่นกัน ซึ่งได้รับคำยืนยันจาก “มาร์คุส แฟลสช์” ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม และเห็นทิศทางจากการเปิดตัวคอนเซ็ปต์คาร์รุ่น Vision M NEXT เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ด้วยรูปทรงสปอร์ตคล้ายๆ i8 ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ให้กำลังระดับ 600 แรงม้า โดยเปิดตัวก่อนรถพลังงานไฟฟ้า “อีวีตัวแรง” ที่จะตามมาในปี 2025

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ค่ายใบพัดสีฟ้าหวังเพิ่มยอดขายรถยนต์กลุ่ม M (รวม M Cars และ M Performance) ให้ถึง 140,000 คัน โต 36% เมื่อเทียบกับปี 2562 ไม่รวมรถที่มากับชุดแต่ง M Sport Package ที่คาดว่าจะขาย
ได้ 1 ล้านคัน (จากบีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่นกว่า 2 ล้านคัน/ต่อปี) 

 

หน้า28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,518 วันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562