บีทีเอส-แสนสิริเป๋าตุง Q4กำไร1,000ล้าน

30 ต.ค. 2562 | 09:35 น.

 

 

 

 

 

 

" บีทีเอส - แสนสิริ " ตอกย้ำความแข็งแกร่งพันธมิตรทางธุรกิจ เตรียมทัพเดินหน้าพัฒนาโครงการร่วมกันระยะยาว เผย ตุนที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าครบแล้ว รอขึ้นโครงการรับโอกาสเกือบทุกสาย ทะลุเป้าหมาย 25 โครงการ มูลค่า 1 แสนล้านบาท ขณะล่าสุด เตรียมโอน 4 คอนโดฯ ไตรมาส 4 ชูกำไรปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท และพรีเซลส์แบ็กล็อกรอโอน 1.75 หมื่นล้านบาท ปี 62-65

 

 

บีทีเอส-แสนสิริเป๋าตุง Q4กำไร1,000ล้าน

นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประกาศความร่วมมือของกลุ่มบริษัทบีทีเอสและแสนสิริเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งแรกของประเทศไทย ที่ผู้นำระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ได้จับมือพัฒนาคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ บมจ. ยู ซิตี้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ที่ดูแลธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้รับโอนโครงการความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทบีทีเอสและแสนสิริ เข้ามาในพอร์ตเมื่อปี 2561 ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามดีมานด์และสภาวะตลาดร่วมกัน 14 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 50,000 ล้านบาทและมียอดขายรวม ณ ปัจจุบันที่ 35,000 ล้านบาทหรือกว่า 70%ของยอดขายทั้งหมดอันรวมถึง 4 โครงการภายใต้แบรนด์ เดอะไลน์ (THE LINE)’ , ‘เดอะเบส (THE BASE)’ และ คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค (KHUN by YOO inspired by Starck)’ ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าในไตรมาส 4 ปีนี้ด้วย ซึ่งถือว่ายอดขายและการเปิดตัวโครงการเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะผันผวน

 

ทั้งนี้ ด้วยยอดพรีเซลส์แบ็กล็อกสำหรับโครงการร่วมทุนที่มีร่วมกัน 17,500 ล้านบาทที่เตรียมส่งมอบในปี 2562 ถึง 2565 เราเชื่อว่าจะสามารถนำมาสู่กำไรของโครงการร่วมทุนระหว่าง ยู ซิตี้ และแสนสิริ ได้กว่า 1,000 ล้านบาทได้ในปีนี้

 

บีทีเอส-แสนสิริเป๋าตุง Q4กำไร1,000ล้าน

บีทีเอส-แสนสิริเป๋าตุง Q4กำไร1,000ล้าน

หนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทบีทีเอสและแสนสิริ ดึงดูดให้ผู้ซื้อทั้งกลุ่มเรียลดีมานด์และนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่น ตลอดจนบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เข้าใจกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ " นางสาวปิยพร กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมีแผน เจาะกลุ่มตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ด้วยการพัฒนาคอนโดมิเนียมบนสุขุมวิท 38 ด้วยจุดเด่นทำเลติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ รวมถึงการออกแบบอาคารและตกแต่งภายในที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์เนอร์ระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ได้ใน พ.ศ.2564 หรือในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์บนถนนสุขุมวิท

 

ด้านนางสาว วรางคณา อัครสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานการเงินและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทร่วมทุน บีทีเอส-แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ปเตรียมส่งมอบคอนโดพร้อมอยู่บนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้ารอบกรุงเทพฯ 4 โครงการ ได้แก่ เดอะ เบส เพชรเกษม , ‘เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 , ‘เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ และโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนสุดท้ายปลายปีนี้ คือ คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค โดยยอดขายพร้อมโอนปีนี้ของทั้ง 4 โครงการรวมมูลค่าสูงกว่า 11,500 ล้านบาท

 

บีทีเอส-แสนสิริเป๋าตุง Q4กำไร1,000ล้าน

บีทีเอส-แสนสิริเป๋าตุง Q4กำไร1,000ล้าน

ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจร่วมกัน 2 บริษัทนั้น ยืนยันว่า ยังคงมีความเหนียวแน่น ร่วมกันในระยะยาว จากเดิมที่เคยประกาศเป้าหมายเบื้องต้นพัฒนาโครงการร่วมกัน จำนวน 25 โครงการ มูลค่า 100,000 ล้านบาท ล่าสุดมีการเซ็นสัญญาไปแล้ว จำนวน 10 โครงการ และอยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 4 โครงการ ขณะยังมีที่ดินเปล่ารองรับเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ อีกจำนวน 12 โครงการ เป็นต้น

 

" ขณะนี้กำลังวางแผนร่วมกันถึงโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งยังวิเคราะห์ต่อว่า มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯของรัฐที่ออกมา จะช่วยสนับสนุนแผนดังกล่าวอย่างไร หลังจากขณะนี้ มีที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าตุนรอไว้พร้อมหมดแล้ว ครอบคลุมรถไฟฟ้าสายใหม่เกือบทุกสี รอเพียงความชัดเจนของแผนรถไฟฟ้าสายนั้นๆ รวมถึงปัจจัยบวกที่จะมาจาก กฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ด้วย ส่งผลให้บางโซนนิ่ง ได้รับประโยชน์เพิ่มเติม เช่น FAR ที่เพิ่มขึ้น " นางสาววรางคณา กล่าว

 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เข้าสู่ยุคเรียลดีมานด์ที่ลูกค้าซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเป็นหลัก บีทีเอสและแสนสิริจึงพิถีพิถันในการพัฒนาโครงการทุกโครงการเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ได้มากที่สุด และตรงกับอุปสงค์ของตลาดคอนโดมิเนียมในขณะนั้น นอกจากทำเลศักยภาพตามแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน เรายังให้ความสำคัญกับพื้นที่ชุมชนที่เป็นทำเลของผู้อยู่อาศัยจริง เพื่อให้การพัฒนาโครงการสอดคล้องกับความต้องการ โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่เพราะยังคงเป็นตลาดที่ยังคงขยายตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรามั่นใจว่าผลกำไรในปีนี้ของโครงการจากความร่วมมือกันระหว่างบีทีเอสและแสนสิริจะเป็นไปตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาท