เปิดเบื้องหลัง "อนาคตใหม่" พ่ายยับ เลือกตั้งนครปฐม

27 ต.ค. 2562 | 05:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3517 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 27-30 ต.ค.2562 โดย... ว.เชิงดอย


เปิดเบื้องหลัง "อนาคตใหม่" พ่ายยับ เลือกตั้งนครปฐม

 

          ....ผลจากการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 นครปฐม ที่สร้างความผิดหวังให้กับ “พรรคอนาคตใหม่” เพราะผู้สมัครของพรรคคือ “ไพรัฏโชติก์ จันทรขจร” ลงแทนภรรยาที่ลาออกจากส.ส.เพราะป่วย ได้มาเพียง 28,216 คะแนน ตามมาเป็นอันดับ 2 ขณะที่เลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562 ภรรยาคือ จุมพิตา จันทรขจร นำมาเป็นอันดับ 1 ด้วย 34,164 คะแนน ครั้งนี้คะแนนหายไป 5,948 คะแนน ขณะที่ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” ของพรรคชาติไทยพัฒนา เดิมเลือกตั้งครั้งก่อน เข้ามาเป็นอันดับที่ 4 ได้ 12,279 คะแนน แต่ครั้งนี้สามารถ “ล้างตา” ได้สำเร็จ คะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 37,675 คะแนน ได้คะแนนเพิ่มมา 25,396 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ ถึง 9,459 คะแนน ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ได้ 18,425 คะแนน

          ....ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงยอมรับผลเลือกตั้งซ่อมออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ และโทษว่า “กกต.” กำหนดให้มีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง “วันพุธ” ไม่ใช่วันอาทิตย์ ทำให้ฐานคะแนนผู้ใช้แรงงาน เยาวชน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยเลือกพรรคหายไป เพราะไม่สะดวกออกมาใช้สิทธิ ทั้งระบุว่าพรรคไม่มีเงิน อำนาจ อิทธิพล มีแต่หัวใจ ...คนเราเวลา “แพ้” ก็มักหาเหตุมาอ้างได้เสมอ แล้วไม่คิดบ้างหรือว่าการเลือกตั้ง “วันพุธ” พรรคอื่นเขาก็อาจเสียประโยชน์ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นการเลือกตั้งวันพุธไม่น่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะหากผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่เสียเปรียบ ผู้สมัครจากพรรคอื่นก็มีความได้เปรียบเสียเปรียบไม่แตกต่างกัน

          ....ในวงการเมืองมีการวิเคราะห์กันว่า การที่ประชาชนชาวนครปฐมหันไปเทคะแนนเลือก “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” จนคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 นอกจาก เผดิมชัย จะมีฐานคะแนนเสียงเดิมดีอยู่แล้ว ก็อาจจะมาจากปัญหาภายในพรรคอนาคตใหม่และจุดยืนของพรรคเอง โดยเฉพาะจุดยืนของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ที่มีต่อ “สถาบัน” อันปรากฏชัดเจนจากมติที่ไม่เห็นด้วยกับพ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ตามที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ จนลูกพรรค 3 คน แหกมติพรรคโหวตสวน เห็นด้วยกับพระราชกำหนดดังกล่าว ได้แก่ 1.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี 2.จารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี และ 3. พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และมี ส.ส.ใช้สิทธิงดออกเสียง 1 คน คือ ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ จุดนี้เองก็น่าจะเป็น “กระแส” ตอกย้ำให้เห็นถึงจุดยืนว่า “อนาคตใหม่” มีท่าทีอย่างไรต่อสถาบันสูงสุดอันเป็นที่เคารพเทิดทูลยิ่งของคนไทย...นี่หรือเปล่าที่เป็นสาเหตุหนึ่งแห่งความปราชัยของพรรคอนาคตใหม่ครั้งนี้

          ....ปู๊น ปู๊น... 24 ตุลาคม 2562 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยมีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับ บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งจำกัดและพันธมิตร และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อสนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด
 

          ....สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท จะเริ่มต้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง วิ่งตรงเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อ ผ่านสถานีมักกะสัน เลี้ยวเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรณภูมิ มุ่งหน้าต่อไปตามแนวทางรถไฟสายตะวันออกผ่านแม่น้ำบางปะกง เข้าสู่สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยาและเข้าสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นสถานีสุดท้าย ระยะทางรวม 220 กิโลเมตร โดยขบวนรถสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2566

          ....ว่ากันว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้เกิดการพัฒนาเมืองโดยรอบสถานี นำความเจริญสู่ชุมชน เกิดการกระจายรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีที่ทำการค้าขาย มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจราว 650,000 ล้านบาท และส่งผลให้เกิดการจ้างงานในช่วงก่อสร้างมากถึง 16,000 อัตรา และการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากกว่า 100,000 อัตรา ในอีก 5 ปีข้างหน้า... ถือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก ที่ประเทศไทยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้น ก็ขอให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างที่ตั้งไว้ก็แล้วกัน โดยเฉพาะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หากกระเตื้องขึ้นบ้างก็จะดีมิใช่น้อย...