SCB กุมขมับ ผ่าตัดหนี้ PACE 9.7 พันล้าน
SCB เร่งหาข้อสรุปแผนฟื้น PACE “สารัชต์ รัตนาภรณ์” ยันไม่กระทบผลประกอบการแบงก์ปีนี้แน่ เหตุกันสำรองตั้งแต่ปี 2561 เผยมูลหนี้ผิดนัดชำระกับ SCB 9,687 ล้านบาท ดันหนี้สิน/ทุน PACE พุ่งเป็นประวัติการณ์ 81.64 เท่า
จากกรณีที่นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2562 บริษัท มีมูลหนี้ที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 9,479,300,622.61 บาท คิดเป็น 44.98% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัท (ณ 30 มิ.ย. 62 มีจำนวน 21,074.50 ล้านบาท) แยกเป็น 1. ไม่สามารถชำระเงินต้น หรือดอกเบี้ยของวงเงินสินเชื่อตามจำนวน และ/หรือตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาสินเชื่อ มูลหนี้ 2,697,339,168.35 บาท วันกำหนดให้ชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าว 4 พฤศจิกายน 2562 และ 2. ผิดนัดผิดสัญญาภายใต้สัญญาสินเชื่อใดๆ หรือเอกสารอื่นใด (cross default) มูลหนี้ 6,781,961,454.26 บาท วันกำหนดให้ชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าว 20 พฤศจิกายน 2562
นอกจากนี้ยังคงมีหนี้ที่เกิดจากการผิดนัดผิดสัญญาภายใต้สัญญาสินเชื่อใดๆ หรือเอกสารอื่นใด (cross default) แต่ยังไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้อีกเป็นจำนวน 2,504,624,516.21 บาท (รวมหนี้สินที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวและยังไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าว เป็นวงเงิน 11,983.92 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56.86% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัท )
โดยหนี้ดังกล่าวข้างต้น “ฐานเศรษฐกิจ” รวบรวมพบเป็นมูลหนี้ที่ PACE ผิดนัดชำระหนี้กับบมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จำนวน 9,687 ล้านบาท (อ่านตารางประกอบ) แยกเป็นหนี้เงินต้นประมาณ 6,973 ล้านบาท และดอกเบี้ยอีกจำนวน 2,714 ล้านบาท
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้ธนาคารฯ กับ PACE อยู่ในช่วงร่วมมือกันทำแผนว่าจะเดินต่ออย่างไร ซึ่งต้องหาทางออกที่ดีที่สุดทั้งสำหรับลูกค้าและธนาคาร จึงให้รายละเอียดยังไม่ได้ในช่วงนี้แต่มีการประชุมทุกวันเพราะมีทั้งในส่วนของเมืองไทยและสหรัฐอเมริกา ส่วนโอกาสที่ SCB จะแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มจากเดิมที่ถืออยู่ 3.07% แล้วนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการจัดทำแผนที่จะออกมา โดยทั้ง PACE และ SCB พยายามจะเร่งจัดทำแผนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเมื่อมีความคืบหน้าจะประกาศให้ทราบ
ต่อข้อถามการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 3 ของปีนี้ เป็นวงเงิน 9,100 ล้านบาทนั้น ไม่เกี่ยวกับกรณีของ PACE แต่เป็นการสำรองฯ เพื่อรอรับภาวะเศรษฐกิจในอนาคตที่มีแนวโน้มเปราะบาง
“อย่างที่รับทราบกันว่าลูกหนี้มีปัญหามาสักพักและธนาคารฯ เพิ่งจัดชั้น โดยเรากันสำรองฯส่วนที่เหลื่อมจากหลักประกันไปตั้งแต่ปี 2561 ดังนั้นจะไม่กระทบผลประกอบการในไตรมาส 3 หรือปีนี้” นายสารัชต์ กล่าวในที่สุด
สำหรับมูลหนี้ PACE ซึ่งได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าหลังจากบริษัท และบริษัทย่อย ได้รับหนังสือแจ้ง (ผ่านทางไปรษณีย์ลงทะเบียน) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม กรณีผิดนัดและให้บริษัทชำระหนี้จาก SCB จำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2562 เนื่องจากการผิดนัดในมูลหนี้อื่น (Cross Default) และจำนวน 1 ฉบับ ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2562 เนื่องจากแก้ไขเพิ่มเติมมูลหนี้ บริษัทจึงขอรายงานการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท และบริษัทย่อย เพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีดังนี้
1. หนังสือจากธนาคารฉบับลงวันที่ 21 ตุลาคม 2562 แจ้งกรณีผิดนัดและให้บริษัท ชำระหนี้ ภายใน 30 วันนับจากวันที่ของหนังสือจากธนาคาร ซึ่งตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 จำนวน 2 ฉบับ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.1 ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาให้สินเชื่อสำหรับโครงการนิมิตหลังสวน วงเงิน 2,941,600,000 บาท ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558
1.2 ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาให้สินเชื่อสำหรับโครงการมหาสมุทรวิลล่า วงเงิน 1,796,700,000 บาท ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558
1.3 ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาให้สินเชื่อ วงเงิน 350,000,000 บาท ฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2561
1.4 ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาให้สินเชื่อ วงเงิน 2,850,000,000 บาท ฉบับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2561
1.5 ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาให้สินเชื่อสำหรับโครงการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ วงเงิน 1,248,900,000 บาท ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558
2. หนังสือจากธนาคารฉบับลงวันที่ 22 ตุลาคม 2562 แจ้งมูลหนี้เพิ่มเติมจากการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อวงเงิน 500,000,000 บาท ฉบับลงวันที่ 8 มีนาคม 2560
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/ E) ของ PACE ทะยานสูงขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ถึง 81.64 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 อยู่ที่ 9.29 เท่า และสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 16.08 เท่า
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,517 วันที่ 27-30 ตุลาคม 2562
