“สมคิด”โชว์วิสัยทัศน์ ปลุก “กวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า” ลงทุนไทย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ระหว่างร่วมการประชุมเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (JBA) : ขอบเขตใหม่แห่งการปฏิรูปและเปิดกว้างของจีน แนวปฏิบัติใหม่ของหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมฮ่องกงโอเชี่ยน ปาร์ค แมริออท เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
นายสมคิด กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างสูงที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความมุ่งมั่นของรัฐบาลจีนต่อการพัฒนาจีบีเออย่างแท้จริง การมาร่วมงานถือเป็นโอกาสพิเศษ ถูกที่และถูกเวลา เดือนนี้เป็นเดือนที่ตรงกับการฉลองครบรอบ70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน 70 ปีแห่งการทุ่มเทพลังทั้งมวลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างชาติจีนให้เข้มแข็ง และทันสมัย ขอชื่นชมวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้นำจีนทุกรุ่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน และความทุ่มเทของชาวจีนทั้งมวลในการพลิกฟื้นประเทศจีนได้อย่างน่าอัศจรรย์ พิธีเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่กรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เป็นที่ตื่นตาตื่นใจต่อชาวโลกและสะท้อนถึงจีนในยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง คำกล่าวของ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดี ในพิธีฉลองที่ว่า ไม่มีพลังใดที่จะหยุดจีนไม่ให้เดินไปข้างหน้า ไม่มีอำนาจใดที่จะสั่นคลอนสถานะของจีนหรือหยุดยั้งคนจีนและชนชาติจีนไม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า และในการก้าวไปข้างหน้า จีนจะยึดมั่นในเส้นทางการพัฒนาอย่างสันติ ยุทธศาสตร์ การพัฒนาที่เปิดกว้างและสร้างประโยชน์กับทุกฝ่าย และจะทำงานร่วมกับทุกประเทศเพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน คำกล่าวนั้นไม่เพียงสามารถรวมจิตใจคนจีนทั้งมวลให้เป็นหนึ่งเดียว แต่ยังสะท้อนให้ชาวโลกได้เห็นถึงความตั้งใจและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะทำงานร่วมกับนานาประเทศ เพื่อสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าในอนาคต ผมขอแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจไว้ในโอกาสนี้
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับจีนมากกว่าแค่การเป็นประเทศคู่ค้าและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา แต่จีนเปรียบเสมือนมิตรแท้และเพื่อนที่จริงใจในทุกสถานการณ์ ในโอกาสครบรอบ 70 ปีการสถาปนาสารณรัฐประชาชนจีน ขออวยพรให้สาธารณรัฐประชาชนจีน มีเอกภาพทางการเมืองที่แข็งแกร่ง เศรษฐกิจและสังคมเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี เป็นเสาหลักแห่งเอเชียในการขับเคลื่อนการพัฒนา ทั้งในภูมิภาคและของโลก การเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ ด้วยจุดมุ่งหมายสองประการ ประการแรคือความตั้งใจที่จะมาให้กำลังใจเป็นการส่วนตัวกับผู้บริหารสูงสุด แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่ถือเสมือนมิตรสนิทที่นับถือ ในยามที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ผู้คนในสังคมมีความขัดแย้งทางความคิด จนลุกลามเป็นความขัดแย้งในสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สถานการณ์ความขัดแย้งเหล่านี้ ครั้งหนึ่งก็เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน จนทำให้บ้านเมืองเสียโอกาสในการพัฒนาอยู่หลายปี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ เชื่อว่าทุกผู้คนที่มีจิตใจเป็นธรรม ต่างได้เห็นถึงความเพียรพยายามของท่านผู้บริหารสูงสุดในการคลี่คลายปัญหาอย่างมีสติ อดทน อดกลั้น และยึดมั่นในวิถีทางแห่งสันติวิธี
“ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ติดตามสถานการณ์ของฮ่องกงอย่างใกล้ชิด และเข้าใจในภาระอันหนักอึ้งที่กำลังเผชิญอยู่ จึงตั้งใจจะมาเพื่อให้กำลังใจกับท่านโดยเฉพาะ และอยากเรียนว่า คนไทยเชื่อมั่นในศักยภาพของฮ่องกง และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การนำของท่านผู้บริหารสูงสุดด้วยความอดทน อดกลั้น และยินดีหารือร่วมกับทุกภาคส่วน ในที่สุดแล้ว สถานการณ์จะสามารถคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติได้ในไม่ช้า ขอให้ท่านมั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นมิตรแท้ ที่จะอยู่เคียงข้าง สนับสนุนให้กำลังใจท่านและชาวฮ่องกงเสมอ”
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ประการที่สอง คือการสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับจีบีเอในทุกๆ มิติ ซึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังประโยชน์ให้แก่ภูมิภาคเอเชียโดยส่วนรวม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บรรยากาศทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก ไม่สดใสนัก การปรับเปลี่ยนเชิงนโยบายของชาติสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ส่งผลต่อการจัดระเบียบโลกใหม่ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถหาจุดสมดุลใหม่ได้ในเร็ววัน การค้าโลกที่เคยเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังประโยชน์ต่อการพัฒนา ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ก็เริ่มพบกับมรสุมจากสงครามการค้าอย่างที่ไม่ควรจะเป็น แต่สถานการณ์อันเป็นวิกฤต มักจะเปิดประตูให้กับโอกาสใหม่เสมอ สภาวะความถดถอยและผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ เอเชีย ไรส์ อาจพบอุปสรรคและสะดุดลง แต่ในอีกด้านหนึ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและความร่วมมือที่ใกล้ชิดในภูมิภาคแห่งนี้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเร่งปฏิรูปประเทศให้เข้มแข็งและทันสมัย ได้เห็นความร่วมมือใหม่ๆ ของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเพื่อสร้างโอกาสใหม่แห่งอนาคต อาทิ การก่อตัวของอาร์เซป (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) จีบีเอมาพร้อมกับบทบาทสำคัญใน 2 นัยยะ ด้านหนึ่งเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี และนวัตกรรมของโลก สร้างผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ทรงพลังระดับยูนิคอร์น เป็นศูนย์กลางแห่งภาคการเงินและโลจิสติกส์ของโลกอย่างแท้จริง อีกบทบาทหนึ่งคือ เป็นหัวหอกอันสำคัญของจีนในการเชื่อมโยงความร่วมมือการพัฒนาในทุกมิติกับโลกภายนอกตามแนวทางเบลท์ แอนด์ โร้ด ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาเซียนและอนุภูมิภาคซีแอลเอ็มวีที่มีพรมแดนติดต่อกัน
จีนและไทยต่างมีความมุ่งหวังที่คล้ายคลึงกัน ในขณะที่จีนกำลังเดินตามวิสัยทัศน์เบลท์ แอนด์ โร้ด ไทยเองก็มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีศักยภาพที่โดดเด่น ใน 4-5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยมุ่งยกระดับความสามารถแข่งขันของประเทศ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานการปรับปรุงกฎระเบียบที่เอื้อต่อการค้าการลงทุน และการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมและศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอนุภูมิภาคแห่งนี้ในอนาคต ในเชิงของภูมิรัฐศาสตร์ไทยใช้กรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมกันของกลุ่มประเทศ CLMVT ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง ด้านทรัพยากรมนุษย์ หวังว่าภายในปี 2565 CLMV จะก้าวสู่การเป็นอนุภูมิภาคที่รวมกันเป็นหนึ่งทางเศรษฐกิจ และสามารถบูรณาการเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าของโลกได้อย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงอย่างแท้จริงระหว่างเบลท์ แอนด์ โร้ด ของจีนกับซีแอลเอ็มวีที และอาเซียนโดยรวมผ่านความร่วมมือระหว่างจีบีเอกับประเทศไทย
นายสมคิด เล่าว่า มีโอกาสเข้าคารวะหาน เจิ้น รองนายกฯ และหวังหย่ง มุขมนตรีแห่งรัฐที่ปักกิ่ง มีโอกาสหารือแนวคิดการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ระหว่างจีบีเอกับไทย นำเสนอให้ตั้งกลไกการหารือระดับสูงระหว่างกัน เพื่อวางโรดแมปให้การเชื่อมโยงเกิดเป็นรูปธรรมในทุกมิติ นับเป็นความร่วมมือที่มีแต่วินกับวิน ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยังต้อนรับและหารือกับหลี่ ซี เลขาธิการพรรคประจำกวางตุ้งที่นำคณะเยือนไทย ส่วนความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด คือการหารือกับแคร์รี หล่ำ เมื่อคราวเยือนประเทศไทยจนนำไปสู่การตั้งสำนักงานเศรษฐกิจการค้าฮ่องกงที่ประเทศ (อีทีโอ) และการประกาศความร่วมมือกับฮ่องกง ไซเบอร์พอร์ท ในการสร้างไซเบอร์ พอร์ท ในไทยภายใต้ชื่อ ไทยแลนด์ อินโนสเปซ ที่จะเป็นศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมและสตาร์ต อัพแห่งอนาคตของไทย และในอนาคตเรามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้มีการเชื่อมโยงกับฮ่องกงในด้านตลาดเงิน ตลาดทุนและครีเอทีฟ อีโคโนมี
“หากมองข้ามหมอกควันแห่งความยากลำบากที่เผชิญ จะเห็นโอกาสแห่งอนาคตที่กำลังเปิดรออยู่ข้างหน้า จีบีเอเป็นแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นคู่ขนานเบลท์ แอนด์ โร้ด เป็นประโยชน์กับชาติพันธมิตรที่เข้ามาเชื่อมต่อทางยุทธศาสตร์ ทั้งในระดับประเทศ และจะเชื่อมโยงกับ CLMVT และอาเซียนได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม”
รองนายกฯ กล่าวต่อไปว่า ฮ่องกงภายใต้จีบีเอ ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางของเขต ใน 4 ด้าน โดยพัฒนาจากศักยภาพที่ฮ่องกงมีอยู่ ได้แก่ 1.ด้านการเงิน ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินลำดับที่ 3 ของโลก ลำดับที่ 1 ของเอเชีย เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญลำดับที่ 6 ของโลก ด้วยจุดแข็งด้านสถานที่ตั้งและระบบกฎหมายของฮ่องกง 2.ด้านคมนาคม ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการบิน โดยสนามบินฮ่องกงเป็นสนามบินลำดับที่ 3 ของโลก (74 ล้านคน) และเป็นแหล่งขนส่งคาร์โก้ลำดับที่ 1 (5 ล้านตัน) และโครงการขยายท่าอากาศยาน ทำให้การเป็นประตูของฮ่องกงสำคัญยิ่งขึ้น โดยเชื่อมโยงจุดหมายกว่า 20 0แห่งทั่วโลกเข้าด้วยกัน 3.การเป็นศูนย์กลางของบริการที่มีความเป็นมืออาชีพระดับโลก ซึ่งเกิดจากระบบกฎหมาย การศึกษา โครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการต่างๆ ที่ได้มาตรฐานระดับโลกของฮ่องกง และ4.การเป็นศูนย์การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม โดยมหาวิทยาลัย 3 แห่งในฮ่องกงติดอันดับท็อป 50 ของโลก และฮ่องกงมุ่งส่งเสริมการพัฒนาด้านเฮลท์ เทคโนโลยี เอไอโรบอต และการวิจัยพัฒนา โดยฮ่องกงมีแผนที่จะร่วมจัดตั้งเซินเจิ้น-ฮ่องกง เทคโนโลยีปาร์คที่ เซินเจิ้น และจีบีเอ อคาเดมิก อลิอันซ์ ในฮ่องกง ที่เน้นการแลกเปลี่ยนและร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมกับจีนแผ่นดินใหญ่
เยาวชนคืออนาคต พวกเราให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชน โดยเฉพาะการยกระดับความสามารถและการเข้าถึงโอกาสและเงินทุน ฮ่องกงพัฒนามาถึงปัจจุบันเพราะอัตลักษณ์พิเศษฮ่องกง คือ การปกครองภายใต้หนึ่งประเทศ สองระบบ ให้ฮ่องกงมีอำนายอธิปไตยในการปกครองตนเองสูง มีระบบกฎหมาย และระบบเศรษฐกิจที่แตกต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของนานาชาติ ซึ่งจะเป็นจุดเด่นที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของจีบีเอต่อไป
“แม้การชุมนุมประท้วงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง แต่รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเชื่อมั่นว่าสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ และรัฐบาล เขตบริหารพิเศษฮ่องกงจะใช้อัตลักษณ์และจุดแข็งของฮ่องกงภายใต้การปกครองตามหลักการ หนึ่งประเทศสองระบบ ในการเสริมสร้างความร่วมมือที่ทุกฝ่ายล้วนได้รับผลประโยชน์”นายสมคิด กล่าว