ศรีสุวรรณยื่นอุทธรณ์ กกต.ปม “ธนาธร”แหกตาบลายด์ทรัสต์

24 ต.ค. 2562 | 04:04 น.

ศรีสุวรรณยื่นอุทธรณ์ กกต.ทบทวนกรณี “ธนาธร”หลอกจะโอนบลายด์ทรัสต์  ทำให้คนเข้าใจผิด  ชี้โทษหนักถึงขั้นตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปี

ศรีสุวรรณ จรรยา  

     วันที่ 24 ต.ค.2562นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อคัดค้านคำวินิจฉัย กรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หน.พรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงข่าวว่าเมื่อตนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองจะโอนหุ้นของบริษัทมหาชนในเครือซัมมิท ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริหารจัดการทรัพย์สินแทนในรูปของบลายด์ทรัสต์ โดยกล่าวอ้างลักษณะเช่นนี้เป็นเพียงการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเองเท่านั้น ไม่เป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ม.73 (5) นั้น


          ทั้งนี้ หากการวินิจฉัยเช่นนั้นเป็นบรรทัดฐานที่สามารถทำได้ จะกลายเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมืองในขณะนี้และในอนาคตโดยตรง เพราะนักการเมืองหรือพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็จะหาเสียงอย่างใด ๆ โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่สัญญาไว้กับประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือสาธารณชน ในขณะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนั้น จะสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือไม่ก็ได้ เช่นนี้ความศักดิ์สิทธิของกฎหมายโดยเฉพาะ ม.73(5) จะมิบังเกิดผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเลย ซึ่งการจะถือว่าเรื่องใดเป็นการหาเสียง ต้องระบุไว้ในนโยบายหรือพันธกิจของพรรคที่ปรากฎในข้อบังคับพรรคเท่านั้น ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ พ.ศ.2561 ที่นายทะเบียนรับจดแจ้งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 ไม่ปรากฎว่ามีการระบุนโยบายหรือพันธกิจดังกล่าวแต่อย่างใด
           

     ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นแบบแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่นายธนาธร ยื่นไว้กับ ป.ป.ช.มาแสดงเพื่อชี้ให้เห็นว่าการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนในเครือซัมมิท ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริหารจัดการทรัพย์สินแทนในรูปของบลายด์ทรัสต์ยังไม่มีการปฏิบัติแต่อย่างใด แม้นายธนาธรจะมีสถานะเป็น ส.ส.แล้วขณะนี้ ซึ่งเป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่นโดยชัดเจน ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี  หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด