กางแผนรวม 31 บริษัท เอ็นทีทีลั่นขึ้นท็อป3บริการไอทีไทย

27 ต.ค. 2562 | 03:30 น.

NTT กางแผนรวม 31 บริษัท ลดความซํ้าซ้อนในการดำเนินธุรกิจ เดินหน้ารุกตลาดคลาวด์-ดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมตั้งสำนักงานในไทยอย่างเป็นทางการ เผยล่าสุดครองแชมป์ท็อป 3 ผู้ให้บริการไอทีในไทย

นายสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บริษัท บริษัทเอ็นทีที จำกัด (NTT Ltd.) เปิดเผยว่า NTT ได้มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยประกาศเปิดตัว NTT Ltd. และสำนักงานประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการรวมกันของ ไดเมนชั่น ดาต้า, เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์, เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ และเทรนนิ่ง พาร์ทเนอร์ส เข้าร่วมกับ 31 บริษัท จาก 70 ประเทศทั่วโลก ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีลูกค้าที่เป็นพันธมิตรกว่า 1 หมื่นรายทั่วโลก ทั้งนี้การรวมบริษัททั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการด้านไอที และตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ปัจจุบันเอ็นทีทีมีพนักงานกว่า 40,000 คน ใน 57 ประเทศ การรวมตัวกันในครั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับ 1 ในไทยได้

“การรวมตัวกันของบริษัทในเครือเอ็นทีทีทั้งหมดนั้นเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงานที่ซํ้าซ้อนและไปขยายการให้บริการในส่วนอื่นเพิ่มขึ้น เช่น สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปข้างหน้า อีกทั้งในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ไปเร็วมาก ทำให้เทคโนโลยีเรายังไปได้ไม่ดีพอ เรามีบุคลากรที่เก่งแต่ยังทำงานแยกกัน ถ้าเราไม่ขยับเราอาจจะถูกดิสรัปต์ได้ ซึ่งเอ็นทีทีจะต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ทำความเข้าใจกับพนักงานและลูกค้าให้มากขึ้น

กางแผนรวม 31 บริษัท  เอ็นทีทีลั่นขึ้นท็อป3บริการไอทีไทย

สุทัศน์ คงดำรงเกียรติ 

นอกจากนี้เอ็นทีทียังต้องการมีส่วนร่วมหรือช่วยเหลือพัฒนาด้านเทคโนโลยีในการช่วยองค์กรและสังคม ซึ่งเอ็นทีทีเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีรายใหญ่ที่สุดในไทย ที่มีบริการเชื่อมต่อทั้งในไทยและทั่วโลก ให้บริการอินเตอร์เน็ต ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และในพื้นที่บางนา รวมถึงให้บริการคลาวด์ทั้ง คลาวด์ สาธารณะ (Public) และ คลาวด์ส่วนตัว (Private) เชื่อมต่อบริการคลาวด์ให้กับทุกองค์กร ซึ่งโครงการดาต้าเซ็นเตอร์กำลังขยายเข้าสู่เฟสที่ 3 ในเดือนธันวาคมนี้ โดยใช้งบประมาณในการลงทุนราว 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ปัจจุบันมีสัดส่วนของลูกค้าในไทยเป็นภาคเอกชน 90% และภาค รัฐประมาณ 10% ซึ่งไทยถือว่ามีศักยภาพในการเติบโตสูง การควบรวมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะ เวลา 1 ปีและคาดว่าจะมีการทรานส์ ฟอร์มบริษัทไปได้ไกลมาก ทั้งนี้เอ็นทีทีถือได้ว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ในอันดับท็อป 3 ของไทยในการให้บริการด้านไอที ขณะที่แผนธุรกิจในระยะยาวยังคาดว่าจะเป็นผู้นำในการทรานส์ฟอร์มเทคโนโลยี ทั้งคลาวด์ หรือเซอร์วิสต่างๆ

 

อย่างไรก็ตาม NTT Ltd. ได้ มีการผสานนวัตกรรมและโซลูชัน (Co-Innovation) เพื่อเป็นรากฐานรองรับการเติบโตด้านไอซีที ครอบ คลุมทั้ง 4 ด้าน คือ 1. ธุรกิจอัจฉริยะ (Intelligent Business)โซลูชันสำหรับธุรกิจดิจิทัล ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและปลดล็อกศักยภาพทางด้านข้อมูล รวมถึงการวิเคราะห์ และแอพพลิเคชันบนมัลติคลาวด์ 2. สำนักงานอัจฉริยะ (Intelligent Workplace) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ทันสมัยสำหรับองค์กร ผสานเทคโนโลยีและแอพพลิเคชันที่เหมาะสม 3. ระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ (Intelligent Infrastructure) รองรับการบริการบนเครือข่าย ศูนย์ข้อมูล และโซลูชันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นแบบอัตโนมัติ และบริการ Managed Service ให้กับลูกค้าที่อยู่บนสภาพแวดล้อมของไฮบริดคลาวด์ 4. ระบบความปลอดภัยไซเบอร์อัจฉริยะ (Intelligent Cybersecurity) ออกแบบความปลอดภัยสำหรับธุรกิจ โดยสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถวิเคราะห์ คาดการณ์ ตรวจจับ และแจ้งเตือนภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงตอบสนองต่อการโจมตีโดยอัตโนมัติ เพื่อสนับสนุนการใช้นวัตกรรมในธุรกิจและบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3516 ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2562