"สุวิทย์" เร่งพัฒนาทักษะคนคุณภาพป้อนตลาดแรงงาน 

21 ต.ค. 2562 | 10:18 น.

“สุวิทย์” เปิดแนวรุกเน้นพัฒนาบัณฑิตและทักษะคนทำงาน รับมือเทคโนโลยี แก้เกมแรงงาน 38 ล้านคนรับผลกระทบ พร้อมอัดงบงานวิจัยเพิ่มเป็น 2.8 แสนล้าน ภายใน 5 ปี ตอบโจทย์เศรษฐกิจประเทศ มั่นใจสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า 

ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ภารกิจสำคัญของกระทรวง อว.ขณะนี้ มี 3 เรื่องสำคัญ คือ 1. การสร้างและพัฒนาคน 2. การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ และ 3.การสร้างและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน ที่กำลังได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดแรงงานในอนาคตกว่า 38 ล้านคนมีปัญหา

เป้าหมายการการสร้างและพัฒนาทักษะแรงงาน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการผลิตบัณฑิต 2.5 ล้านคนต่อปีเท่านั้น แต่ต้องขยายไปถึงคนที่อยู่ในการทำงาน จำเป็นต้องพัฒนาทักษะการทำงานเดิม (Re-skill Up-skill) เพราะโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน แรงงานที่มีอยู่กว่า 38 ล้านคน มีบางส่วนที่อาจตกงาน และต้องมีการเปลี่ยนงานจากผลกระทบดังกล่าว พร้อมกันนี้ ยังการทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อการศึกษาและเรียนรู้ของคนสูงวัยจำนวน 11 ล้านคน ซึ่งการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ได้จำกัดอยู่แค่การศึกษาในห้องเรียนเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้รอบด้าน รวมถึงการเสริมทักษะที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสายอาชีพ เมื่อจบออกมาแล้ว สามารถทำงานได้จริงทันที 

 

สำหรับการสร้างองค์ความรู้ การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ ซึ่งการลงทุนวิจัยและพัฒนา 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วน 0.48% ต่อ GDP ปัจจุบันขยับขึ้นเป็น 1.1% ต่อ GDP และจะเพิ่มขึ้นไปต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี ควรขยับจาก 1.1% เป็น 1.5% ต่อ GDP หรือ 280,000 ล้านบาท ซึ่งงบวิจัย 80% จะมาจากเอกชน เป็นตัวคูณสมทบเพิ่มไปอีก 4-5 เท่า ของงบวิจัยภาครัฐ 24,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นว่าการวิจัยต้องตอบโจทย์ประเทศ โจทย์เอกชน โจทย์จากชุมชน โดยแบ่งงานเป็น 4 ส่วน คือ 1. การพัฒนาคน (Brain power และ Man power) 2. การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 3. การลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาพื้นที่ ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และ 4. การวิจัยตอบโจทย์ท้าทายสังคม เช่น ปัญหาขยะ ภาวะโลกร้อน 
 
“สิ่งสำคัญของงานวิจัยคือต้องมีเป้าหมาย ไม่ใช่ต่างคนต่างทำจนเป็นเบี้ยหัวแตก แต่จะต้องตอบโจทย์ประเทศ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้เน้นเศรษฐกิจ BCG ซึ่งรวมด้านเกษตร อาหาร การแพทย์ สุขภาพ พลังงาน วัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เน้นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างมูลค่าได้ 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 21% GDP และจะขยับเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งประชาชน 18 ล้านคน จะได้ประโยชน์ เช่น จากการยกระดับเกษตรกรเป็น Smart farming การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้างงานเพิ่มขึ้น รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น” ดร.สุวิทย์กล่าว

ส่วนสถาบันการศึกษา ที่ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตออกสู่ตลาดแรงงาน ก็ต้องมีการพัฒนาและยกเครื่องเพิ่มเติม เช่น การปลดล็อกข้อจำกัดของมหาวิทยาลัย แบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 Track หรือ ลู่วิ่ง มหาวิทยาลัยจะตอบตัวเองว่าจะวิ่งลู่ไหน ลู่วิ่งที่ 1 มหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้แข่งนานาชาติ/ระดับโลก ลู่วิ่งที่ 2 มหาวิทยาลัยซึ่งเน้นเทคโนโลยีและภาคอุตสาหกรรม ลู่วิ่งที่ 3 ซึ่งะมีความสำคัญมาก คือ มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่