นายกฯแจงจัดงบ 63 นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจภายในและความผันผวนเศรษฐกิจโลก ยันงบความมั่นคงจำเป็น รักษาความสงบภายใน รับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบ คาดปี 63 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.0 ถึง 4.0 จากการลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
วันที่ 17 ต.ค.2562 ที่รัฐสภาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า รัฐบาลจัดทำงบประมาณวงเงิน 3 ล้าน 2 แสนล้านบาท โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทการพัฒนาตั้งแต่ปี 2561-2580 และการพัฒนาประเทศไปสู่การพัฒนาที่มั่นคง ยั่งยืน ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ตลอดจน ดูแลและเตรียมพร้อมการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เพราะในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงจากมาตรการกีดกันทางการค้า รัฐบาลจึงต้องบริหารเงินคงคลังให้เหมาะสม มีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูงขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 ถึง 4.0 โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวตามการเร่งเบิกจ่าย โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการใช้จ่ายภาครัฐและภาคครัวเรือนขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ พร้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการจัดทำงบประมาณ
พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงงบประมาณด้าน ความมั่นคงที่จัดสรร 428,190.6 ล้านบาท คิดเป็นวงเงิน ร้อยละ 13.4 ของงบประมาณ โดยแบ่งตามแผนงานเช่น ยุทธศาสตร์ เสริมสร้างความมั่นคง สถาบันหลักของชาติ 5,351.9ล้านบาท ด้านรักษาความสงบภายในประเทศ 34,774.2ล้านบาท การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ 10,865.5 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้ใช้เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม และเสริมสร้างศักยภาพพื้นที่จังหวัดโดยน้อมนำศาสตร์พระราชาเป็นกรอบแนวทางดำเนินงานให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
“ขณะเดียวกันจัดสรรงบประมาณพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 88,718.4ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาระบบป้องกันประเทศให้มีความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกรูปแบบและปรับปรุงสวัสดิการของกำลังพลทุกระดับให้มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งยังจัดสรรงบประมาณแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและจำนวน15,324.4 ล้านบาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้จัดสรรงบ ประมาณตามยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จำนวน 380,803.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อการสร้างมูลค่าสินค้าเกษตรและพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ พัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม
“การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ จัดสรรงบประมาณเป็นค่าดำเนินการภาครัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงบประจำเช่นเงินเดือนข้าราชการ 431,336.6ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.5 ของวงเงินงบประมาณ และจัดสรรงบประมาณด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารการจัดการภาครัฐวงเงิน504,689.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.8 ของวงเงินงบประมาณ” นายกรัฐมนตรี กล่าว