‘อริยะ’นำช่อง 3 ฝ่าวิกฤติ...หาขุมทรัพย์ใหม่

16 ต.ค. 2562 | 09:25 น.

 

6 เดือนเต็มที่ “อริยะ พนมยงค์” ก้าวเข้ามานั่งในตำแหน่ง “กรรมการผู้อำนวยการ” บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 ท่ามกลางคำว่า “วิกฤติ” การมาพร้อมความหวัง ไม่ใช่เป็นเพียงความท้าทายที่ต้องแบกรับ แต่ยังเป็น “แรงผลัก” ให้ต้องเดินหน้า

 

ทรานส์ฟอร์มช่อง 3

“อริยะ” บอกว่า คำว่า “วิกฤติ” ทำให้ต้องทำการบ้านหนักมาก แม้จะวางแผนมาระดับหนึ่ง แต่ยอมรับว่า 6 เดือนนี้เหนื่อยและเครียดตามที่คิดไว้

“เหมือนเวลาไม่เข้าข้างเรา เพราะการเปลี่ยนแปลงระดับนี้ต้องใช้เวลา และทุกคนก็คาดหวังจากเรา การบริหารบนความคาดหวังของคน เราไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง แต่ต้องอิงไปกับธุรกิจของเราและวิกฤติที่เจอ”

การทรานส์ฟอร์มช่อง 3 คือ “โจทย์” หลักของการมาอยู่ที่นี่ “อริยะ” บอกว่า ไม่อยากให้มองว่าช่อง 3 คือ ธุรกิจทีวี แต่ช่อง 3 คือ ธุรกิจคอนเทนต์ และต้องการเป็น Content & Entertainment Platform ซึ่งวิชันนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานที่ช่อง 3 ไม่ได้มโนไปเอง

การออกสตาร์ตของ “อริยะ” คือการบริหารจัดการภายใน พร้อมกับการนำเสนอสู่ภายนอก ผ่านทุกๆ ช่องทาง ซึ่งเขาบอกว่า “ทุกอย่างที่คิด จะคิดเผื่อทุกหน้าจอ” ไม่ใช่เฉพาะจอทีวี แต่รวมถึงโลกออนไลน์

ผลงานที่จับต้องได้ “อริยะ” ใช้เวลา 45 วัน หรือ 1.5 เดือน เพื่อปรับโครงสร้าง “รายการข่าว” ที่เปลี่ยนแปลงทั้งโฉมหน้าภายนอกและไส้ใน และในอีกไม่กี่วัน ก็จะเห็นโฉมใหม่ของผังละคร บันเทิง และอื่นๆ

สิ่งที่ช่อง 3 ต้องทำคือ เปลี่ยนทั้งบิสิเนส โมเดล สร้างธุรกิจใหม่ บริการใหม่ เพิ่มรายได้จากช่องทางใหม่ เป็นการกระจายความเสี่ยง

‘อริยะ’นำช่อง 3  ฝ่าวิกฤติ...หาขุมทรัพย์ใหม่


 

ต่อยอดคอนเทนต์เป็น“รายได้”

“คอนเทนต์ คือหัวใจหลัก  “อริยะ” บอกว่า วันนี้ช่อง 3 มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจทีวี แต่อนาคตการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่ของช่อง 3 จะมาจาก 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจทีวี, ออนไลน์, ตลาดต่างประเทศ และทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และศิลปิน

ช่องทางหนึ่งที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีก่อน และวันนี้จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับเดินหน้าต่อยอดขยายตลาดได้ดี คือ ตลาดต่างประเทศ ซึ่ง “อริยะ” บอกว่าดีมากๆ เพราะนอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยแล้ว วันนี้ตลาดคอนเทนต์เป็นตลาดที่มีความต้องการ และมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ตลาดโลกเปิดรับคอนเทนต์ใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่แค่คอนเทนต์จากเกาหลีอย่างเดียว วันนี้คุณสามารถหาคอนเทนต์ไทย จีน เยอรมนี สเปนได้ ตลาดคอนเทนต์โลกมีความหลากหลายมากขึ้น และละครช่อง 3 ถูกจริตคนดูในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) รวมถึงจีน และเกาหลี

“ล่าสุดช่อง 3 เพิ่งปิดดีลขายละครให้กับช่องทีวีที่ประเทศเกาหลี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมาเกาหลีมีแต่ขายคอนเทนต์ออก เมื่อเราสามารถเจาะเข้าไปได้ ต้องยกผลงานให้กับทีมที่ทำ และภาย
ในเดือนตุลาคมนี้ก็จะปิดดีลอีกประเทศ แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์เรามีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการ ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังมีโอกาสอีกมาก ถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่เติบโตค่อนข้างดี”

อีกหนึ่งขุมรายได้ใหม่ของช่อง 3 คือเรื่องของ IP และศิลปิน ซึ่ง “อริยะ” ยกตัวอย่างให้ฟังถึงการต่อยอดจากผู้จัดและศิลปิน ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันศิลปินจะถูกพูดถึงการเป็นพรีเซนเตอร์ แต่จากนี้ไปจะต้องสร้างบิสิเนสโมเดลใหม่ ที่จะเห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้ แปลกใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะเผยให้เห็นในต้นปีหน้า

“วันนี้ช่อง 3 เหมือนสู้อยู่ใน 2 สนาม สนามเดิมที่ต้องพยายามยืนให้ได้ กับสนามใหม่ที่ต้องสร้างบ้านใหม่ ต้องเน้นธุรกิจใหม่ หาเม็ดเงินใหม่ เมื่อเห็นว่าปีหน้าเศรษฐกิจน่าห่วง หากยังเน้นก้อนเงินเดิม ก็เหมือนเห็นเหวอยู่ข้างหน้าแล้วยังเดินเข้าไป”

สุดท้าย “อริยะ” บอกว่า ในปีหน้าจะเริ่มเห็นช่อง 3 แข็งแรงขึ้น พร้อมกับบิสิเนสโมเดลใหม่ที่จะทยอยตามมา

หน้า 15 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3514 วันที่ 17-19 ตุลาคม 2562

‘อริยะ’นำช่อง 3  ฝ่าวิกฤติ...หาขุมทรัพย์ใหม่