ภาครัฐต้องนำ...‘มินนิโซตา’ จ่อออกกม.ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

รัฐบาลท้องถิ่นมลรัฐมินนิโซตา ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา เดินหน้าออกมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นยานยนต์แห่งอนาคตแล้ว ยังมุ่งหวังให้เป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยโลกลดการปล่อยไอเสียซึ่งเป็นตัวทำลายคุณภาพอากาศด้วยการกำหนดมาตรฐานการปล่อยไอเสียของยานยนต์ (clean vehicle emission standard) ที่มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

มาตรการใหม่ของรัฐมินนิโซตาจะพุ่งเป้าไปที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ด้วย โดยกำหนดให้บริษัทที่มุ่งหวังจะจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่รุ่นปี 2023 ขึ้นไปภายในมลรัฐมินนิโซตา ต้องผลิตรถที่ตอบโจทย์ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปล่อยไอเสีย ที่มีตั้งแต่การปล่อยไอเสียระดับตํ่าไปจนถึงไม่ปล่อยไอเสียเลย (0%) ไม่ว่าจะเป็นรถไฮบริดหรือรถไฟฟ้า 100% (อีวี) ก็ตาม การสร้างมาตรฐานใหม่นี้สอดคล้องกับทิศทางที่อีก 13 มลรัฐของสหรัฐอเมริกากำลังมุ่งหน้าไปเช่นกัน

กระบวนการร่างรายละเอียดและนำเสนอเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายนั้น ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 18 เดือน จึงคาดหมายว่าผลลัพธ์ที่จะสะท้อนออกมาในรูปยอดจำหน่ายรถไฮบริดและอีวีที่พุ่งสูงขึ้นในรัฐมินนิโซตา น่าจะเริ่มเห็นได้ในรถที่มีรุ่นผลิตปี 2023 (พ.ศ. 2566) ส่วนระยะเวลาก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายนั้น ก็นับเป็นช่วงที่ภาครัฐเองจะได้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับระบบสาธารณูปการพื้นฐานรองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และการสร้างเครือข่ายกลุ่มธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นต้น

จากการรวบรวมข้อมูลของหน่วยงานรัฐบาลพบว่า พลเมืองรัฐมินนิโซตานิยมใช้รถยนต์ขนาดใหญ่ เช่นรถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) รถปิกอัพ และรถสันทนาการ (recreational vehicles หรือ RVs) ดังนั้น การชักจูงให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมักจะเป็นรถขนาดกะทัดรัด จึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของภาครัฐ แต่รัฐบาลท้องถิ่นก็เตรียมมาตรการเสริมไว้แล้ว ที่เป็นไฮไลต์คือการให้สิทธิประโยชน์จูงใจด้านภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อรถคันใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า จะได้รับเครดิตเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีระหว่าง 2,500-7,500 ดอลลาร์/คน ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของแบตเตอรี่และรุ่นของรถที่ซื้อ

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,514 วันที่ 17 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562