ความปั่นป่วนในตลาดซื้อคืน ปลุกความหวังเฟดขยายงบดุลในเร็ววันนี้

17 ต.ค. 2562 | 00:05 น.

คอลัมน์ครบเครื่องเรื่องทองกับ YLG

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด   

    

เมื่อเดือนที่แล้วเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดเงิน จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินจากความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาด Repo Market และควบคุมการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยเป้าหมาย (target interest rate) ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงตลาดเงินเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 วันนี้ YLG จึงขอเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมไปถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อตลาดทองคำในอนาคต

เริ่มต้นด้วยการรู้จัก Repo Market กันก่อน ซึ่ง Repo Market คือ ตลาดธุรกรรมซื้อคืน (Repurchase Agreement : Repo) เป็นธุรกรรมที่ผู้กู้จะเสนอพันธบัตรรัฐบาล หรือสินทรัพย์คุณภาพสูงเพื่อวางเป็นหลักประกัน(Collateral) โดยผู้กู้สัญญาว่าจะซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวคืนในอนาคต สำหรับราคาซื้อหลักทรัพย์กลับคืนจะเป็นราคาที่ผู้ขายหลักทรัพย์ขายให้กับผู้ซื้อในตอนแรก บวกรวมกับดอกเบี้ยกู้ยืม (Repo rate)

 

ความปั่นป่วนในตลาดซื้อคืน  ปลุกความหวังเฟดขยายงบดุลในเร็ววันนี้

 

ภายใต้สภาวะปกติ อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน(Repo rate)จะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเป็นการกู้ยืมที่มีความปลอดภัยสูง เพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ในเดือนที่แล้ว บางกรณี Repo rate พุ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 10% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ให้กู้ยืมซึ่งกันและกันสูงกว่า 2.25% ซึ่งเป็นกรอบสูงสุดของกรอบอัตราดอกเบี้ยเฟดในขณะนั้น (2.00-2.25%) บ่งชี้ว่าสภาพคล่องในตลาดซื้อคืนตึงตัว ซึ่งสาเหตุเกิดจากปัญหาที่ธนาคารพาณิชย์มีเงินสดไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากมี 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ประการแรก คือ กำหนดการจ่ายภาษี ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆ ต้องการเงินสดเพื่อชำระภาษีภายในวันที่ 15 กันยายน ประการที่ 2 คือ ถึงวันครบกำหนดชำระเงินสำหรับพันธบัตรรัฐบาลทำให้มีความต้องการเงินเพื่อชำระพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าว ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ repo rate จึงเป็นที่มาที่ทำให้เฟดต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการดำเนินการในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแทรกแซงตลาดในตั้งแต่ปี 2008 โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดและเพื่อเพิ่มเงินสำรองของธนาคาร      

ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในตลาดทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดต้องทบทวนนโยบายเกี่ยวกับงบดุลอีกครั้ง และตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อขยายงบดุลของเฟดที่ยุติลงเมื่อ 2 ปีก่อนจะกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในเร็ววันนี้ และการคาดการณ์ดังกล่าวถูกตอกย้ำโดยถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่ระบุในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐฯว่า เฟดจะกลับมาเข้าซื้อพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มปริมาณเงินสำรอง โดยเฟดจะเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภทตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) คือ ตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี

อย่างไรก็ดี ประธานเฟดเน้นย้ำอีกว่า การเข้าซื้อสินทรัพย์ครั้งนี้ไม่ควรถูกมองว่า เป็นการกลับมาของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ quantitative easing programs (QE) ที่เฟดเคยใช้เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มีทางเลยที่มาตรการนี้จะเป็นพาวเวลล์ กล่าว แต่กระนั้น ตลาดดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของพาวเวลล์มากนักและยังคงมองว่ามาตรการที่ว่านี้ใกล้เคียงกับการทำ QE อยู่ดี       

ดังนั้นเรื่องนี้ได้กลายมาเป็นจุดสนใจสำหรับการประชุมเฟดรอบถัดไป โดยสิ่งที่ต้องจับตาคือ เฟดจะเริ่มต้นกลับมาซื้อสินทรัพย์เพื่อขยายขนาดของงบดุลตามมาตรการที่เฟดบอกว่าไม่ใช่ QE เมื่อไหร่และเข้าซื้อในวงเงินเท่าใดต่อเดือน ขณะที่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ผลลัพธ์จากการขยายงบดุลมีแนวโน้มจะกดดันดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ที่สำคัญหากเกิดการขาดแคลนเงินสดอย่างฉับพลันอาจนำไปสู่ความวุ่นวายในตลาดการเงินในวงกว้างมากขึ้น ความเสี่ยงเหล่านี้จะกระตุ้นการลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้เช่นกัน

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,514 วันที่ 17-19 ตุลาคม 2562

ความปั่นป่วนในตลาดซื้อคืน  ปลุกความหวังเฟดขยายงบดุลในเร็ววันนี้