SCBS แนะเลี่ยงอสังหาฯ พิษบาทแข็ง-กำลังซื้อชะลอ        

16 ต.ค. 2562 | 23:48 น.

บล.ไทยพาณิชย์ฯ มองตลาดหุ้นไตรมาส 4/2562 ยังกังวลเศรษฐกิจ กำไรบจ.ตํ่า แต่หวังสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนคืบหน้า แนะหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และชิ้นส่วนยานยนต์ หลังจากพิษบาทแข็ง กำลังซื้อชะลอ มองดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีอย่างเก่งแตะ 1700 จุด อานิสงส์นโยบายรัฐ ส่วนปีหน้าคาด 1800 จุด

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 ปี 2562 ยังมีความกังวลเศรษฐกิจที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัว ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยไตรมาส 3 ออกมาตํ่า ทำให้บริษัทอาจปรับประมาณการใหม่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน หลังจากประกาศงบเสร็จ แต่ยังมีความคาดหวังสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนจะมีความคืบหน้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และติดตามการพิจารณาร่างพ...งบประมาณปี 2563 โดยจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและดำเนินนโยบายต่างๆ ในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4 ปี 2562 แนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าและความต้องการซื้อชะลอตัวลง แต่ให้เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, กลุ่มการแพทย์, กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มขนส่ง เป็นต้น

 

SCBS แนะเลี่ยงอสังหาฯ  พิษบาทแข็ง-กำลังซื้อชะลอ        

สุกิจ อุดมศิริกุล

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ผ่านบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกอบด้วย บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บมจ.)(WHA) ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาล รวมถึงการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซ ทำให้ความต้องการคลังสินค้าโลจิสติกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น, บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาล, บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) มีแนวโน้มเติบโต จากยอดขายสาขาเดิมเติบโต

นอกจากนี้ ยังมี บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ, กำไรที่ดีขึ้นจากธุรกิจเคาน์เตอร์เซอร์วิส และการขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกัมพูชาและลาวจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว และบมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ได้ประโยชน์จากการเจรจาต่อสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว และโครงการมอเตอร์เวย์ 2 สายและสนามบินอู่ตะเภา

ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1700 จุด และปี 2563 อยู่ที่ 1800 จุด โดยปัจจุบันภาพรวมการลงทุนยังต้องติดตามสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยประเมินว่าปี 2563 แม้ความเสี่ยงขนาดใหญ่ยังคงมีอยู่ แต่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เล็กน้อย และผลประกอบการภาคธุรกิจจะฟื้นตัวในไตรมาสแรก ปี 2563 เพราะการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น การใช้จ่ายภายในประเทศ และการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น

 

“ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าเมื่อปี 2543 และปี 2549 แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รับมือได้เร็ว โดยคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 5 ครั้งนับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2563 ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวจนถึงปี 2563 แต่จะปรับตัวแย่ลงในปี 2564 และเข้าสู่ภาวะถดถอยปี 2565 เชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดและสงครามการค้าที่ลดระดับความร้อนแรงลง อาจจะทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับเพิ่มขึ้นด้วย

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,514 วันที่ 17-19 ตุลาคม 2562

SCBS แนะเลี่ยงอสังหาฯ  พิษบาทแข็ง-กำลังซื้อชะลอ