คอลัมน์ผ่ามุมคิด
ตลอด 30 ปีที่ LPN บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “ลุมพินี” ซึ่งมีปรัชญาสร้างบ้านคุณภาพที่คุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการมีบ้านของผู้บริโภค วันนี้ออกมารณรงค์สร้างแบรนด์อีกครั้ง หลังจากเมื่อ 10 ปีก่อน ชูแนวคิด “ชุมชนน่าอยู่” สื่อสารให้ผู้บริโภค และสาธารณชนรับรู้ถึงงานบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง จนทุกวันนี้คำว่า “ชุมชนน่าอยู่” เป็นตราสัญลักษณ์ และเป็นจุดขายของบริษัท
แต่ในยุคดิจิทัล ความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น นอกจากการบริการแล้ว ยังใส่ใจเรื่องการออกแบบ ตลอดจนรูปลักษณ์อาคารด้วย LPN จึงต้องออกมาบอกให้ผู้บริโภคได้รู้ว่าสิ่งที่เห็น และรับรู้มาตลอดเวลาว่าคอนโดฯ ของแอลพีเอ็น ถ้าดูจากรูปร่างภายนอกอาจจะไม่น่าสนใจ แต่เบื้องหลังของความเรียบง่าย ผ่านปรัชญาการพัฒนาและคำนึงถึงผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน กับคอนเซ็ปต์ใหม่ “ความพอดี ที่ดีกว่า”
“สิ่งที่แอล.พี.เอ็น.จะพูดต่อไปนี้ เราตั้งใจและใส่ใจที่จะทำให้บ้านของเรา เป็นบ้านน่าอยู่จริง และพอดีกับการอยู่อาศัยในชีวิตจริง” นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวยํ้า “ที่ผ่านมาไม่ได้สื่อสารให้สาธารณชนได้รู้ว่าเราให้ความสำคัญในทุกกระบวนการของการพัฒนาโครงการ และจำนวนโครงการที่พัฒนามีมากแค่ไหน ปัจจุบันแอล.พี.เอ็น.พัฒนาออกมากว่า 100 โครงการ จำนวน 150,000 ยูนิต จัดเป็นบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยในแง่จำนวนสูงสุดอันดับ 2 ของตลาด”
ปรัชญาของความพอดี ที่ดีกว่า มี 3 องค์ประกอบที่บริษัทได้แทรกไว้อย่างลงตัวในการพัฒนาทุกโครงการ ได้แก่ 1. พอดีกับการออกแบบ ความเป็นส่วนตัวที่ยังเชื่อมต่อกับทุกความสัมพันธ์ได้อย่างลงตัว เพราะเราพอดีในการออกแบบทุกรายละเอียด ไม่มากหรือน้อยไป ให้สมดุลระหว่างความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกเพศทุกวัย ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังมองหาพื้นที่กว้างเพื่อสร้างมิตรภาพที่ยังสามารถเคารพพื้นที่ของกันและกันได้ต่อไป 2. พอดีกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายปลอดภัยมากกว่าที่เคย เพราะเราไม่หยุดนิ่งกับการนำเทคโนโลยีที่เสถียรแล้วในตลาด มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ชีวิตในแต่ละวันมีความปลอดภัย และความสะดวกสบาย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีกว่า และ 3. พอดีกับบริการที่ลงตัวในทุกความใส่ใจ ด้วยการใช้ “ใจ” ดูแลพนักงาน เพื่อส่งมอบความสุขในการบริการให้กับลูกค้า ช่วยให้ชีวิตแต่ละวันไปต่อได้ไม่สะดุด กับทุกบริการที่ต้องการในการอยู่อาศัยและการลงทุน
ซึ่งจะบอกเล่าผ่านหนังโฆษณา “Dream Home เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ได้ออกแคมเปญโฆษณาแบรนดิ้ง”
โอภาส ศรีพยัคฆ์
ในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ บริษัทได้เตรียมลุยเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งอาคารชุดพักอาศัย และบ้านพักอาศัย จำนวน 10 โครงการ โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 4 ยาวไปถึงต้นปีหน้าโดยมีมูลค่าโครงการรวม 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น อาคารชุดพักอาศัย 6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 11,050 ล้านบาท บ้านพักอาศัย 5 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 5,420 ล้านบาท
นายโอภาสกล่าวว่า “แผนธุรกิจในปีนี้ได้กระจายฐานรายได้ออกหลายๆ ส่วนเพื่อลดความเสี่ยง โดยยังคงรักษารายได้จากการสร้างและขายอาคารชุดพักอาศัยปีละหมื่นล้านบาท รวมถึงขยายการเติบโตของโครงการบ้านพักอาศัยอย่างน้อย 50% ของอาคารชุดพักอาศัย เมื่อรวมกับรายได้จากธุรกิจบริการอื่นๆ ก็เชื่อว่าจะสร้างรายได้และการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทได้อย่างแน่นอน
หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,514 วันที่ 17-19 ตุลาคม 2562