คอลัมน์ ล้วงตับ โดย จิ้งจกตัวใหญ่
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,514 วันที่ 17-19 ตุลาคม 2562
มหากาพย์ U drink I drive คงอีกยาว...เพื่อนรักเพื่อนแค้นหักเหลี่ยมโหดคงยากที่สมานแผลรอยร้าวมิตรภาพความเป็นเพื่อนให้แนบสนิทเฉกเช่นดังเดิมได้
ใครจะไปคิดว่า...ก่อนการไกล่เกลี่ยซึ่งหลายคนที่ติดตามมหากาพย์เรื่องนี้ ก็คงต่างคิดว่าอาจจะมีบทสรุปหรือข้อตกลงอะไรบ้างเกิดขึ้น เพื่อยุติปมขัดแย้งเรื่องราวดราม่าที่เลยเถิดไปกันใหญ่ลงได้ สุดท้ายหวนกลับตาลปัตร
ก่อนถึงวันนัดไกล่เกลี่ย กลับกลายเป็นการเปิดศึกอีกรอบจากฟากฝั่งของ จิรายุ พิริยะเมธา และทีมผู้บริหารของ U drink I drive ด้วยการฟ้องกลับ สิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 ในข้อหา “เบิกความเท็จต่อศาล” ในการไต่สวนขอความคุ้มครองชั่วคราว โดยให้เหตุผลที่ว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2562 ไม่ได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นถึงกับต้องอุทานว่า “อะไรกันเนี่ย?”
เมื่อเรื่องราวก่อนวันไกล่เกลี่ยเป็นเช่นนี้ คงคิดว่าคนนอกคงไม่มีวันได้รับรู้ได้เห็นเรื่องราวที่แท้จริง คงต้องบอกตรงๆ ว่า พอดีวันนั้นจิ้งจกตัวใหญ่เกาะเพดานอยู่แถวนั้นจึงได้รู้เรื่องราวที่แท้จริงที่ว่า
การที่ทีมผู้บริหาร U drink I drive อ้างเหตุการณ์วันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา กรณีที่ สิรโสมย์ ไปขอคุ้มครองฉุกเฉินจากมติที่ประชุมวันนั้น ว่าไม่มีมติใดๆ แต่ความจริงอยู่ที่ว่า สิรโสมย์ ไม่ได้เข้าที่ประชุม เพราะจดหมายเชิญประชุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือส่งมาน้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันประชุม
อีกอย่างที่ผ่านมา ทางสิรโสมย์เอง ก็ไม่เคยได้รับเอกสารรายงานการประชุมใดๆทั้งสิ้น รวมถึงการประชุมก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน ที่มีการโหวตเรื่องการจะขายสินทรัพย์วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงการอัพเดตถึงสถานะการขาย วันเซ็นสัญญาต่างๆ แม้กระทั่งผู้ซื้อ สิรโสมย์ ก็ไม่เคยได้เจอหน้า หรือมีโอกาสได้เจรจากับผู้ซื้อเลย แม้แต่การร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารก็ไม่เคยได้รับ
นั่นหมายความว่า สิรโสมย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทีมผู้บริหารชุดนี้กลับเอาไปยื่นที่ศาลหลังที่ สิรโสมย์ ได้รับการคุ้มครองแล้ว เพื่อขอเพิกถอน โดยพลิกเรื่องเป็นว่า “วันนั้นไม่มีมติใดๆ ทั้งๆ ที่หนังสือเชิญประชุมมีวาระนั้นๆ ปรากฏอยู่”
เรื่องดราม่าใหญ่โตนี้...ยังไม่จบ การไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา กลับเกิดเล่ห์กลพิลึกเกิดขึ้น จิ้งจกตัวใหญ่ดันโผล่และแอบได้ยินมาว่า “จิรายุและทนายยื่นข้อเสนอมาให้สิรโสมย์ โดยบอกว่าตอน นี้ได้ไปฟ้องอาญาแล้วฐานเบิกความเท็จ จึงเสนอให้สิรโสมย์ถอนฟ้องแพ่งออกให้หมด เพื่อแลกกับการถอนอาญาสิรโสมย์” ขุ่นพระเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอีกแน่นอน?
ส่วนการเจรจาที่นอกจากการเจรจาขอให้ยอมความกันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งข้อเสนอที่มาจากทางฟากฝั่งสิรโสมย์ นั่นก็คือ เสนอให้ซื้อทรัพย์สินทั้งหมดคืนในข้อเสนอเดียวกับที่อภินรา- จิรายุ ขายไป นั้นก็คือทรัพย์สินทั้งบริษัทในราคา 3 ล้านบาท ซึ่งในวันนั้นมีเพียงแต่จิรายุที่มาเจรจา โดยบอกว่าขายไปหมดแล้ว ให้ไปถามผู้ซื้อเอง ซึ่งฝากข้อ เสนอผ่านทนายผู้ซื้อไป
เรื่องราวเช่นนี้ที่เกิดขึ้นคงต้องขอบอกว่า “พุทโธ่โอ้แม่เจ้า” มหากาพย์เล่ห์กลพิลึก! U drink I drive เช่นนี้ มีกลิ่นตุๆ แน่นอน หากมองกันลึกๆ แล้วเรื่องนี้น่าจะมีหนทางที่ยุติลงได้ แต่ดันหาทางลงกันไม่ได้ คำว่าเพื่อน อาจจะสิ้นสุดลงบนเส้นทางธุรกิจความขัดแย้ง
แล้วอะไรคือเหตุผลที่แท้จริง ทำไมการไกล่เกลี่ยแย่งชิง? ถึงดุเดือดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่วันนี้ U drink I drive เป็นเพียงซากปรักหักพัง ที่เกิดขึ้นด้วยนํ้ามือมิตรภาพของ 3 เพื่อนรัก ที่พวกเขาเท่านั้นที่จะรู้คำตอบที่แท้จริง?